
มาร์ติเนลลี่ ตัวสำรองทองคำ
กาเบรียล มาร์ติเนลลี่ ระเบิดฟอร์มสุดโหดในฐานะซูเปอร์ซับ ทำลายสถิติกลายเป็นผู้เล่นที่ยิงประตูได้เร็วที่สุดในประวัติศาสตร์ของ อาร์เซน่อล ในรายการ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก หลังใช้เวลาเพียง 36 วินาทีเท่านั้นนับจากถูกเปลี่ยนลงสนาม ก่อนช่วยพา “ไอ้ปืนใหญ่” บุกคว้าชัยเหนือ แอธเลติก บิลเบา 2-0 อย่างสุดมันส์
เกมนี้ มาร์ติเนลลี่ ลงมาแทน เอเบเรชี่ เอเซ่ ในนาทีที่ 71 แต่เพียงชั่วอึดใจ เขาก็ซัดประตูขึ้นนำให้ทีมได้ทันทีจากการแอสซิสต์ของ เลอันโดร ทรอสซาร์ เพื่อนร่วมทีมที่ถูกส่งลงมาเป็นตัวสำรองเช่นกัน ถือเป็นประตูที่ 5 ของดาวเตะบราซิเลียนในถ้วยยุโรปใบใหญ่ และยังตอกย้ำว่าเขาคืออาวุธลับที่ อาร์เตต้า สามารถฝากความหวังได้เสมอ
ทรอสซาร์ ตัวทีเด็ดจากม้านั่ง
ไม่เพียงแต่มาร์ติเนลลี่ที่สร้างสถิติใหม่ แต่ เลอันโดร ทรอสซาร์ ก็ยังโชว์บทบาทสำรองสุดโหด หลังจากรับบอลคืนจาก มาร์ติเนลลี่ ยิงประตูปิดกล่องในช่วง 3 นาทีสุดท้าย กลายเป็นการมีส่วนร่วมกับประตูในฐานะตัวสำรองมากที่สุดของแข้ง พรีเมียร์ลีก ตั้งแต่ปี 2023 โดยผลงานของเขาคือ 10 ประตูและ 4 แอสซิสต์ รวมเป็น 14 ประตูที่เกี่ยวข้องจากการลงสนามทุกถ้วยให้กับ อาร์เซน่อล ตั้งแต่ย้ายเข้ามา
นี่คือเหตุผลที่ทรอสซาร์ถูกมองว่าเป็น “เพชรฆาตเงียบ” ที่พร้อมลงมาสร้างความแตกต่างทุกครั้งที่ อาร์เตต้า ต้องการแก้เกม
อาร์เตต้า กับเกมรับสุดแกร่งในเวทียุโรป
นอกจากเกมรุกที่เฉียบคมแล้ว “ไอ้ปืนใหญ่” ภายใต้การนำทัพของ มิเกล อาร์เตต้า ยังมีเกมรับที่เหนียวแน่นเกินคาด โดยใน ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ตลอด 25 นัดที่ผ่านมา ทีมเสียไปเพียง 18 ประตูเท่านั้น หรือเฉลี่ยแค่ 0.72 ลูกต่อเกม ถือเป็นหนึ่งในสถิติที่ยอดเยี่ยมที่สุดในประวัติศาสตร์การแข่งขัน
และเมื่อเทียบกับทีมยักษ์ใหญ่ในอดีต มีเพียง 4 ทีมที่ทำได้ดีกว่า ได้แก่ เอซี มิลาน ยุคของ ฟาบิโอ คาเปลโล่ (0.38 ลูกต่อเกม), อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม ยุค หลุยส์ ฟาน กัล (0.63 ลูก), บาร์เซโลน่า ของ แฟร้งค์ ไรจ์การ์ด (0.68 ลูก) และ บาร์เซโลน่า ของ เอร์เนสโต้ บัลเบร์เด้ (0.71 ลูก) ตัวเลขนี้สะท้อนชัดว่า อาร์เซน่อล กำลังก้าวสู่การเป็นทีมที่สมดุลทั้งรุกและรับ
บทเรียนและแรงบันดาลใจให้แฟนปืน
ชัยชนะเหนือบิลเบาครั้งนี้ ไม่เพียงแต่เป็นการตอกย้ำพลังเกมรุกที่คมกริบ แต่ยังแสดงให้เห็นถึงศักยภาพเชิงลึกของขุมกำลัง โดยเฉพาะบทบาทของผู้เล่นสำรองที่สามารถสร้างความแตกต่างได้ทันที แฟนบอล อาร์เซน่อล จึงมีสิทธิ์ฝันไกลว่าทีมรักของพวกเขาอาจเป็นหนึ่งในตัวเต็งที่จะยืนระยะในถ้วยใหญ่ยุโรปปีนี้
และที่สำคัญ ฟอร์มที่ต่อเนื่องและแนวทางการเล่นที่เต็มไปด้วยพลังงานของนักเตะหนุ่ม ทำให้ “เดอะ กันเนอร์ส” กำลังเดินหน้าสู่ยุคใหม่อย่างแท้จริง
แฟนบอลทั่วโลกยังต้องจับตาดูว่า มาร์ติเนลลี่ และ ทรอสซาร์ จะสร้างตำนานบทใหม่ได้แค่ไหนในเวทีแชมเปี้ยนส์ลีก ติดตามทุกความเคลื่อนไหวของลูกหนังระดับโลกได้ที่ ข่าวกีฬาฟุตบอลบ้านกีฬา