
บ้านกีฬามาแล้วค่ะ วันนี้ขอพาไปเจาะทุกมุมของดราม่าร้อน “เม พรีมายา” ที่ขึ้นเวทีรายการดัง เปิดใจทั้งน้ำตาในวันที่ตั้งครรภ์ 7 เดือน เล่าทั้งไทม์ไลน์ ธุรกิจ หุ้นส่วน ดีลซื้อขาย ไปจนถึงข้อสงสัยเรื่องการโอนเงินข้ามบริษัท ขณะที่ฝั่งคลินิกรีแบรนด์ “Dermatige Aesthetics” ออกแถลงการณ์โต้ทันที ย้ำว่าข้อกล่าวหา “บิดเบือน” และบางส่วนอยู่ในชั้นศาลแล้ว บ้านกีฬาเรียบเรียงให้ครบที่สุด เท่าที่ข้อเท็จจริงและหลักฐานสาธารณะเปิดเผย ณ วันที่ 2 ตุลาคม 2568 จะพอมีให้เห็น พร้อมสรุปประเด็นให้ผู้อ่านตัดสินด้วยวิจารณญาณค่ะ (รายการโหนกระแสเทป 2 ต.ค. 2568 และสื่อออนไลน์หลายสำนักนำเสนอกรณีนี้ต่อเนื่อง)
มุมของ “เม พรีมายา”: ตั้งต้นธุรกิจ–ฝากหุ้น–คดีจบ–ขอหุ้นคืนแต่ถูกจำกัดสิทธิ?
• เมเล่าว่าเริ่มธุรกิจคลินิกร่วมกับหุ้นส่วน 3 คน แบ่งหุ้นเท่าๆ กัน ก่อนจะเกิดคดีส่วนตัวทำให้ถอนชื่อออกและ “ฝากหุ้น” ไว้กับอีก 3 คน ระบุภายหลังคดีสิ้นสุด จึงขอกลับเข้าถือหุ้นเดิมแต่ถูกเสนอเงื่อนไขให้ “ไม่ออกหน้า” และสาขาใหม่ “ไม่ให้มีเอี่ยว” พร้อมตั้งข้อสงสัยหลายเรื่อง ทั้งการจองบริการเข้าบริษัทเดิมแต่ยอดใหญ่โอนเข้าบริษัทใหม่ การใช้ฐานลูกค้า/ช่องทางเดิม และกระบวนการขอชำระบัญชีบริษัทโดยที่ตน “ไม่ได้รับเชิญประชุม” รวมถึงระบุว่าถูกตัดออกจากห้องงานต่างๆ ของบริษัทเดิมด้วย (เป็นคำกล่าวอ้างของฝ่ายเม)
• เมยังอ้างว่ามีช่วงเวลาที่อีกฝ่ายนำเสนอขายหุ้นให้บุคคลที่สาม และตั้งคำถามถึงเหตุผลในการปิดบริษัทเดิม ทั้งที่อ้างว่ามีรายได้ดี ก่อนรีแบรนด์สู่ Dermatige Aesthetics และเปิดสาขาใหม่ โดยใช้ทีม/ช่องทางเดิมบางส่วน (ตามคำเล่าในรายการ)
มุมของคลินิก/หุ้นส่วน: ออกแถลงการณ์โต้–ย้ำ “ข้อมูลเท็จ” กระทบชื่อเสียง–หลายเรื่องอยู่ในศาล
• ฝ่ายคลินิกที่รีแบรนด์เป็น Dermatige Aesthetics ออกแถลงการณ์โต้ สรุปว่าโพสต์ของเมทำให้เกิดความเสียหาย ยืนยันมีเหตุจำเป็นทางธุรกิจ และบางประเด็นเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมแล้ว พร้อมทิ้งท้ายว่า “ความจริงเป็นสิ่งไม่ตาย และทองแท้ย่อมไม่กลัวไฟ” (ข้อความใจความตามโพสต์แถลงการณ์)
• สื่อออนไลน์หลายแห่งเกาะติดคอมเมนต์และปมสวนกลับไปมา ระบุว่าประเด็นกำลังร้อนในโลกโซเชียลและมีผู้ติดตามจำนวนมาก (ชี้เป็นสถานการณ์สาธารณะ ไม่ใช่ข้อยุติ)
8 คำถามใหญ่ที่สังคมอยากได้คำตอบ (สรุปจากที่เมหยิบยกในรายการ)
- เงื่อนไขการกลับเข้าถือหุ้น—เหตุใดต้อง “ไม่ออกหน้า” และตัดสิทธิ์ในสาขาใหม่?
- การตัดการเข้าถึงข้อมูล/ห้องงานของผู้ถือหุ้นเดิมชอบด้วยข้อบังคับบริษัทหรือไม่?
- สิทธิผู้ถือหุ้นเข้าตรวจเอกสารบัญชี–มีการนัดหมายแล้ว “ไม่ให้ดู” หรือไม่? เกิดเหตุแจ้งความ “บุกรุก” ได้อย่างไร? (อยู่ในข้อโต้แย้งของคู่กรณี)
- โฟลว์เงิน: จองบริการโอนไปบริษัท ก. แต่ยอดชำระหลังทำสวยเข้า “บริษัท ข.” จริงหรือ? หากจริง อธิบายกรอบบัญชี/ภาษีและสิทธิผู้ถือหุ้นอย่างไร?
- รีแบรนด์–ใช้ฐานลูกค้า/ช่องทางเดิม—ขอบเขตการใช้ทรัพย์สิน/ข้อมูลของบริษัทเก่าถูกต้องแค่ไหน?
- กระบวนการปิด/ชำระบัญชีบริษัท—มีการเรียกประชุมผู้ถือหุ้นครบองค์ประชุมและแจ้งอย่างถูกต้องหรือไม่?
- ข้อกล่าวหาเรื่อง “คลินิกไม่ได้รับอนุญาต/สวมใบอนุญาต” ณ ช่วงเวลาที่ถูกตั้งคำถาม—ข้อเท็จจริงและไทม์ไลน์เป็นอย่างไร (ต้องรอคำชี้แจง/หลักฐานหน่วยงานรัฐ)
- เคยมีดีลเจรจาขายหุ้น/หานักลงทุนมูลค่าเท่าไร ช่วงเวลาใด และเหตุล่มดีลคืออะไร (เพื่อเข้าใจบริบทมูลค่าหุ้น)
คู่มืออ่านคดีธุรกิจฉบับเข้าใจง่าย (ความรู้ที่ใช้ได้ยาวนาน)
• ผู้ถือหุ้นตรวจเอกสารได้แค่ไหน? โดยทั่วไป ผู้ถือหุ้นมีสิทธิขอดูงบ/เอกสารสำคัญของบริษัทตามกฎหมายและข้อบังคับบริษัท การนัดหมายควรมีหลักฐานเป็นลายลักษณ์อักษร และการปฏิเสธต้องมีเหตุผลที่อิงข้อกฎหมาย ไม่เช่นนั้นอาจกลายเป็นข้อพิพาททางแพ่งได้
• รีแบรนด์ = สิทธิใคร? ชื่อการค้า โลโก้ ฐานลูกค้า เนื้อหาโซเชียล ฯลฯ มักถือเป็นทรัพย์สินของ “นิติบุคคล” ไม่ใช่ของบุคคลใดคนหนึ่ง การย้ายไปใช้ในอีกบริษัทต้องมีสัญญา/อนุญาตชัดเจน ไม่เช่นนั้นเสี่ยงผิดสัญญาหรือแข่งขันโดยมิชอบ
• โฟลว์เงินข้ามบริษัททำได้ไหม? ทำได้หากมีโครงสร้างธุรกรรมชัดเจน สัญญาให้บริการระหว่างบริษัท ใบกำกับภาษีถูกฝ่าย ถูกที่ ถูกเวลา และเปิดเผยกับผู้ถือหุ้น—หากไม่ โปร่งใส อาจกลายเป็นข้อพิพาทเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อน
• ปิดบริษัทต้องทำอะไรบ้าง? ปกติจะต้องเรียกประชุมผู้ถือหุ้นตามขั้นตอน แจ้งวาระ/เอกสารครบ ลงมติด้วยองค์ประชุมตามกฎหมาย จึงยื่นชำระบัญชีต่อกรมพัฒนาธุรกิจการค้าได้
• พูดถึง “ใบอนุญาตคลินิก” ตรวจอย่างไร? ลูกค้าสามารถตรวจป้ายอนุญาตสถานพยาบาลที่หน้าคลินิก (ชื่อ–เลขที่–สาขา) และสอบถามหน่วยงานสาธารณสุขพื้นที่ หากข้อเท็จจริงเปลี่ยนตามเวลา ควรอ้างอิงข้อมูลล่าสุดจากรัฐเท่านั้น
ไทม์ไลน์สั้นๆ ที่สาธารณะรับรู้
• ก่อนหน้า 23 ก.ย. 2568: โซเชียลเริ่มร้อน เมโพสต์พาดพิง–คลินิกออกแถลงการณ์โต้ และสื่อต่างๆ สรุปดราม่าเป็นระยะ.
• 24 ก.ย. 2568: สื่อบันเทิงรายงานกระแสคอมเมนต์ “เม vs. คลินิกดัง” ต่อเนื่อง.
• 2 ต.ค. 2568: เมออกรายการโหนกระแส ชี้แจงเป็นฉากๆ พร้อมตั้งคำถาม 8 ข้อถึงหุ้นส่วน ขณะอีกฝ่ายเผยว่าอยู่ระหว่างหารือ/ติดเคส และบางเรื่องเข้าสู่กระบวนการศาลแล้ว.
• 2 ต.ค. 2568 ช่วงค่ำ–3 ต.ค. 2568: สื่อออนไลน์รายงานสรุปสาระสำคัญจากรายการและโพสต์ต่างๆ ต่อเนื่อง.
อะไรคือ “ประเด็นค้างคา” ที่สังคมควรจับตา
- เอกสารประชุมและหนังสือแจ้งผู้ถือหุ้น (วัน เวลา วิธีแจ้ง หลักฐานไปรษณีย์/อีเมล)
- เอกสารบัญชี–ภาษีที่ชี้ชัดโฟลว์เงินระหว่างบริษัท และสัญญาให้บริการระหว่างนิติบุคคล
- เอกสารสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญา/ช่องทางโซเชียล/ฐานข้อมูลลูกค้า
- สถานะใบอนุญาตของสาขาที่ถูกตั้งคำถาม ณ วัน–เวลาที่เกี่ยวข้อง (และสถานะปัจจุบัน)
- หนังสือเสนอขายหุ้น/เทอมชีต–เหตุผลที่ดีล (ถ้ามี) ไม่สำเร็จ
ทั้งหมดนี้เป็น “ข้อเท็จจริงทางเอกสาร” ที่จะให้คำตอบได้ชัดเจนกว่าอารมณ์ในโลกโซเชียล และน่าจะเป็นหลักฐานสำคัญต่อชั้นไกล่เกลี่ย/พิจารณาคดีในอนาคต
เช็คลิสต์ความปลอดภัยสำหรับลูกค้าที่ไปใช้บริการความงาม (ใช้ได้ตลอดกาล)
• เช็กป้ายใบอนุญาตสถานพยาบาลที่หน้าเคาน์เตอร์—ชื่อบริษัท/สาขาตรงกับบิลหรือไม่
• ขอใบเสร็จ/ใบกำกับภาษีในนามบริษัทเดียวกับป้ายอนุญาต—ชื่อ–เลขประจำตัวผู้เสียภาษีตรงกัน
• ถามแพทย์ถึงคุณวุฒิ/เลขใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ—สามารถตรวจบนฐานข้อมูลแพทยสภา
• ตรวจรีวิวอย่างมีวิจารณญาณ—แยก “โฆษณา” ออกจาก “ประสบการณ์จริง”
• เก็บหลักฐานการจ่ายเงิน–แชต–สลิป–ใบเซ็นยินยอมรักษา เผื่อเกิดปัญหาจะได้ตามได้
บทสรุปบ้านกีฬา
นี่คือคดีธุรกิจที่ซับซ้อน เพราะพัวพันทั้ง “ความไว้ใจ–สัญญา–เอกสาร–ตัวเลข” ฝั่ง “เม พรีมายา” ยืนยันว่าถูกจำกัดสิทธิหลังฝากหุ้น และตั้งคำถามต่อความโปร่งใส ส่วนฝั่งคลินิกก็โต้ว่าอีกฝ่ายบิดเบือนและทำให้เสียหาย พร้อมพึ่งพากระบวนการศาลให้วินิจฉัย ขณะนี้ “คำตอบสุดท้าย” ยังต้องรอเอกสารและคำพิพากษา แต่สำหรับประชาชนทั่วไป—ขอให้ยึดหลักตรวจสอบใบอนุญาต เอกสารการชำระเงิน และสิทธิของตัวเองทุกครั้งก่อนใช้บริการ ที่สำคัญ อย่าปล่อยให้ “ความไว้ใจ” แทนที่ “สัญญาที่ชัดเจน” เพราะในวันที่พายุกระหน่ำ คนที่ปกป้องเราได้ดีที่สุดคือ “หลักฐาน” ค่ะ
ขอบคุณรูปภาพจาก รายการโหนกระแส
ติดตาม ข่าวเด่น ข่าววันนี้ ที่ ข่าวการค้นหาที่มาแรงบ้านกีฬา