
คืนวันที่ 7 ต่อเนื่องเช้ามืดวันที่ 8 กันยายน 2568 ฟ้าเมืองไทยกำลังจะได้ต้อนรับปรากฏการณ์ จันทรุปราคาเต็มดวง ที่หายไปนานถึง 3 ปี ครั้งนี้ถือเป็นวาระพิเศษที่ทั้งนักดาราศาสตร์และประชาชนทั่วไปต่างตั้งตารอ เพราะไม่ใช่แค่การได้เห็น พระจันทร์สีอิฐ หรือที่สื่อต่างประเทศนิยมเรียกว่า Blood Moon เท่านั้น แต่ยังเป็นโอกาสทองที่คนทั้งประเทศสามารถเฝ้าสังเกตปรากฏการณ์นี้ด้วยตาเปล่าอย่างชัดเจน
ทำไมจันทรุปราคาถึงเป็นสีแดง? ไม่ได้มีแค่ “พระจันทร์สีเลือด”
หลายคนคงคุ้นกับคำว่า พระจันทร์สีเลือด แต่สมาคมดาราศาสตร์ไทยย้ำว่า ความจริงแล้ว จันทรุปราคา ไม่ได้มีแต่สีแดงเสมอไป ดวงจันทร์ที่อยู่ในเงามืดของโลกอาจมีสี เทาเข้ม น้ำตาลหม่น หรือแม้แต่แดงอิฐ ขึ้นอยู่กับสภาพบรรยากาศโลกในช่วงเวลานั้น ตัวอย่างเช่นปี 2535 ที่ภูเขาไฟพีนาตูโบในฟิลิปปินส์ปะทุ ส่งผลให้ดวงจันทร์ในคืนจันทรุปราคาแทบไม่มีสีแดงเลย
สาเหตุที่เกิด “สีแดง” มาจากการที่แสงอาทิตย์เดินทางผ่านชั้นบรรยากาศโลก แสงสั้นอย่างสีฟ้าถูกกระเจิงออกไป เหลือเพียงแสงแดงที่หักเหไปตกบนดวงจันทร์ จึงสะท้อนกลับมาให้ผู้คนบนโลกเห็นเป็นพระจันทร์สีส้มอิฐหรือแดงเข้ม
เวลาและลำดับการเกิดจันทรุปราคา 7-8 กันยายน 2568
แฟนดาราศาสตร์ไม่ควรพลาด เพราะครั้งนี้สามารถมองเห็นได้ทุกภูมิภาคของไทย โดยลำดับเวลา (ตามเวลาในกรุงเทพฯ) มีดังนี้
- 22.29 น. เริ่มเกิดเงามัว (Penumbral Eclipse)
- 23.27 น. เริ่มเกิดคราสบางส่วน (Partial Eclipse)
- 00.31 น. เริ่มคราสเต็มดวง (Total Eclipse)
- 01.12 น. กึ่งกลางคราส (Maximum Eclipse)
- 01.53 น. สิ้นสุดคราสเต็มดวง
- 02.57 น. สิ้นสุดคราสบางส่วน
- 03.55 น. สิ้นสุดคราสเงามัว
ครั้งนี้พระจันทร์จะปรากฏเป็นสีแดงอิฐนานถึง 1 ชั่วโมง 22 นาที ซึ่งนับเป็นช่วงเวลาที่ค่อนข้างยาวเมื่อเทียบกับหลายครั้งที่ผ่านมา
จันทรุปราคาในวัฒนธรรมไทย: “ราหูอมจันทร์” และ “กบกินเดือน”
สำหรับคนไทย สมัยโบราณมักเรียกปรากฏการณ์นี้ว่า ราหูอมจันทร์ เชื่อมโยงกับตำนานราหูที่กลืนกินดวงจันทร์เพราะโกรธแค้น และอีกชื่อหนึ่งคือ กบกินเดือน ที่สะท้อนความเชื่อพื้นบ้านเพื่ออธิบายปรากฏการณ์ธรรมชาติอย่างเข้าใจง่าย ชื่อเหล่านี้ไม่เพียงบอกเล่าความศรัทธาและจินตนาการ แต่ยังสะท้อนภูมิปัญญาไทยที่อยู่คู่ท้องฟ้ามานับร้อยปี
มาตราแดนจอน: มาตรวัดสีของจันทรุปราคา
นักดาราศาสตร์ฝรั่งเศส อ็องเดร-ลูย ด็องฌง เคยสร้างมาตรวัดสีจันทรุปราคาไว้ เรียกว่า มาตราแดนจอน (Danjon Scale) โดยแบ่งเป็น 5 ระดับ (L0-L4) ตั้งแต่ดวงจันทร์มืดสนิทจนถึงแดงอิฐสว่างเจิดจ้า ช่วยให้นักวิทยาศาสตร์ใช้เปรียบเทียบความเข้มของสีในแต่ละครั้ง
เชื่อมโยงโหราศาสตร์: “ราหูอมจันทร์-ราหูอมอาทิตย์”
นอกจากมุมวิทยาศาสตร์แล้ว โหราศาสตร์ไทยก็ให้ความหมายกับปรากฏการณ์นี้เช่นกัน โดย หมอช้าง ทศพร ศรีตุลา เตือนว่าเดือนกันยายน 2568 จะมีทั้งราหูอมจันทร์ (7-8 ก.ย.) และราหูอมอาทิตย์ (22 ก.ย.) โดยเฉพาะผู้ที่เกิดใน ราศีสิงห์ และ ราศีกุมภ์ ควรระวังเรื่องอารมณ์และการตัดสินใจ แต่ก็ใช่ว่าจะมีแต่เรื่องร้าย เพราะยังมีโอกาสดีเข้ามา เพียงแต่ต้องตั้งสติและไม่เสี่ยงเกินไป
ทำไมควรเฝ้าดูจันทรุปราคา?
- เป็นโอกาสทางการเรียนรู้ดาราศาสตร์ใกล้ตัว
- ไม่จำเป็นต้องใช้อุปกรณ์พิเศษ มองด้วยตาเปล่าก็ได้
- เกิดไม่บ่อย ครั้งนี้ห่างจากครั้งก่อนถึง 3 ปี
- เชื่อมโยงกับทั้งวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมไทย
วิธีชมปรากฏการณ์ให้ได้อรรถรส
- หลีกเลี่ยงพื้นที่ที่มีแสงรบกวน
- ใช้กล้องส่องทางไกลหรือกล้องถ่ายภาพจะได้รายละเอียดชัดขึ้น
- หากไม่สะดวกออกไปชม สามารถติดตามถ่ายทอดสดผ่าน https://www.facebook.com/NARITpage
ปรากฏการณ์ที่มากกว่าแค่การชม
จันทรุปราคา 2568 ไม่เพียงแต่เป็นความสวยงามทางดาราศาสตร์ แต่ยังสะท้อนความเชื่อ ความศรัทธา และความผูกพันของมนุษย์กับท้องฟ้า เป็นเครื่องเตือนใจให้เราระลึกถึงการเปลี่ยนแปลงของธรรมชาติที่อยู่เหนือการควบคุม และทุกครั้งที่ดวงจันทร์เว้าแหว่งหรือเปลี่ยนสี ก็ย้ำว่าโลกของเรายังคงหมุนเวียนอยู่ในจักรวาลอันยิ่งใหญ่
คืนนี้ หากคุณแหงนหน้ามองฟ้าแล้วเห็นดวงจันทร์สีอิฐส่องประกายท่ามกลางความมืด อย่าลืมเก็บภาพความทรงจำครั้งประวัติศาสตร์ไว้ เพราะกว่าที่จะได้เห็นอีกครั้ง อาจต้องรอไปอีกหลายปี
ขอบคุณรูปภาพ NARIT สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ / หมอช้าง ทศพร ศรีตุลา
ติดตาม ข่าวเด่น ข่าววันนี้ ที่ ข่าวการค้นหาที่มาแรงบ้านกีฬา