
การเมืองไทยก้าวเข้าสู่บทใหม่อย่างเป็นทางการ หลัง อนุทิน ชาญวีรกูล ได้รับพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 32 บรรยากาศการเมืองจึงร้อนแรงขึ้นทันที เพราะนอกจากนายกฯ คนใหม่แล้ว สิ่งที่ผู้คนให้ความสนใจไม่แพ้กันคือ คณะรัฐมนตรีโควตาคนนอก ที่ถูกดึงเข้ามาประคองเศรษฐกิจ การต่างประเทศ และพลังงานของชาติ โดยหนึ่งในนั้นคือชื่อที่ทุกคนพูดถึงในฐานะ “ขุนคลังคนใหม่” อย่าง เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ ร่วมด้วย สีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว มือเก๋าจากบัวแก้ว และ อรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ อดีตซีอีโอ ปตท. ซึ่งทั้งสามคนต่างมีโปรไฟล์หนักแน่นจนถูกจับตามองทั่วประเทศ
เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ – ขุนคลังสายวิชาการ
หากพูดถึงบุคคลที่สังคมเชื่อว่ามีความรู้เชิงลึกทางเศรษฐกิจและการคลังแบบรอบด้าน หนึ่งในนั้นต้องมีชื่อ เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ ว่าที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ซึ่งเป็นที่ไว้วางใจจากนายอนุทินโดยตรง เอกนิติเติบโตมาจากครอบครัวสายข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ พ่อคือ ดร.อิสสระ อดีตประธานศาลรัฐธรรมนูญ ส่วนแม่คือ นางผาณิต อดีตประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน
เขาคือ “เด็กทุน” ของแท้ เส้นทางการศึกษาฉายชัดถึงความเก่ง เริ่มจากปริญญาตรีเศรษฐศาสตร์เกียรตินิยมจากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ก่อนบินไปสหรัฐอเมริกาด้วยทุน ก.พ. คว้าโทและเอกจาก University of Illinois และ Claremont Graduate University กลับมาเป็นกำลังสำคัญของกระทรวงการคลังตั้งแต่อายุยังน้อย
ผลงานในอดีตเรียกได้ว่าผ่านแทบทุกตำแหน่ง ไม่ว่าจะเป็นโฆษกกระทรวงการคลัง รองผู้อำนวยการสศค. อธิบดีกรมสรรพากร กรมสรรพสามิต ไปจนถึงอธิบดีกรมธนารักษ์ จุดเด่นของเอกนิติอยู่ที่ความเข้าใจทั้ง “การเงินมหภาค” และ “การจัดเก็บรายได้รัฐ” รวมถึงการทำงานเชื่อมโยงกับสถาบันการเงินโลกอย่างธนาคารโลกมาแล้ว ปัจจุบันเมื่อขึ้นนั่งเก้าอี้ รมว.คลัง ความท้าทายคือการประคองเศรษฐกิจไทยในภาวะชะลอตัว พร้อมวางนโยบายภาษีและการลงทุนที่ตอบโจทย์ทั้งการพัฒนาและการคลังระยะยาว
สีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว – มือเก๋าเวทีโลก คุมการต่างประเทศ
สำหรับตำแหน่ง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ว่าที่ รมต.อย่าง สีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว ถือว่าเป็น “ลูกหม้อบัวแก้ว” ที่อยู่ในวงการการทูตมากว่า 40 ปี เขามีดีกรีรัฐศาสตร์ จุฬาฯ และต่อโทที่ Johns Hopkins University ซึ่งเป็นสถาบันชื่อดังด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
ผลงานเด่นที่ยังคงจำได้คือการทำหน้าที่โฆษกกระทรวงการต่างประเทศในเหตุการณ์สถานเอกอัครราชทูตไทยถูกเผาที่พนมเปญ เมื่อปี 2546 ที่ต้องเผชิญวิกฤติการทูตอย่างกะทันหัน นอกจากนี้ยังเคยดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตหลายประเทศ รวมถึงตำแหน่งสำคัญระดับโลกอย่าง ประธานคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ (HRC) ซึ่งเป็นชาวเอเชียคนแรกที่ได้ตำแหน่งนี้
หลังเกษียณจากตำแหน่งปลัดกระทรวงการต่างประเทศเมื่อปี 2561 การกลับมาครั้งนี้ทำให้สังคมจับตาเป็นพิเศษ โดยเฉพาะประเด็น ชายแดนไทย-กัมพูชา ที่ยังคงอ่อนไหว รวมถึงทิศทางนโยบายต่างประเทศในโลกที่เต็มไปด้วยความผันผวน บทบาทของสีหศักดิ์จึงไม่ใช่แค่การเป็นนักการทูตมืออาชีพ แต่ต้องเป็นนักเจรจาที่สร้างความเชื่อมั่นให้ประชาคมโลกด้วย
อรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ – ซีอีโอพันล้าน สู่ รมต.พลังงาน
อีกหนึ่งเก้าอี้ร้อนคือ กระทรวงพลังงาน ที่ได้ “โด่ง” อรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ อดีตซีอีโอ ปตท. มานั่งกำกับดูแล ขุมพลังงานของไทยนั้นเกี่ยวพันกับธุรกิจหมื่นล้านแสนล้าน และการตัดสินใจนโยบายพลังงานย่อมส่งผลต่อเศรษฐกิจและความมั่นคงของชาติในระยะยาว
อรรถพลคือนักบริหารที่เติบโตมากับ ปตท. กว่า 30 ปี ผ่านการกำกับงานด้านการตลาด ก๊าซ น้ำมัน ไปจนถึงการเป็น ซีอีโอ ปตท.คนที่ 10 ระหว่างปี 2563–2567 ซึ่งต้องเผชิญกับวิกฤติโควิด-19 แต่เขาสามารถนำองค์กรฝ่าวิกฤติ เปิดโครงการช่วยเหลือสังคม เช่น “ลมหายใจเดียวกัน” และ “Restart Thailand” รวมถึงกำหนดยุทธศาสตร์ใหญ่ Future Energy & Beyond ที่มุ่งพลังงานสะอาดและการลงทุนด้านยานยนต์ไฟฟ้า
ผลงานเด่นที่เป็นที่ยอมรับคือการผลักดันแบรนด์ ปตท. ให้ติดอันดับ 500 แบรนด์มูลค่าสูงสุดโลก และได้รับรางวัลระดับนานาชาติอย่าง Asia’s Best CEO ติดต่อกันหลายปี จึงไม่แปลกที่เมื่อเข้าสู่การเมืองในฐานะ รมว.พลังงาน อรรถพลจะถูกคาดหวังอย่างหนักว่า จะผลักดันไทยสู่ พลังงานสะอาดและยั่งยืน ได้จริงหรือไม่
บทสรุป – ครม.อนุทิน 1 กับความหวังใหม่ของประเทศ
การตั้งทีม “3 คนนอก” ที่มาพร้อมประสบการณ์แน่นปึ้กทั้งด้านการคลัง การทูต และพลังงาน ถือเป็นสัญญาณว่ารัฐบาลอนุทินต้องการส่งข้อความชัดเจนว่า “นี่คือรัฐบาลที่เลือกใช้มืออาชีพเพื่อชาติ” แต่การเมืองไทยไม่เคยราบเรียบเสมอไป ความท้าทายของทั้งสามรัฐมนตรีใหม่จึงอยู่ที่การแปลงความรู้และประสบการณ์สู่ผลลัพธ์จริง ทั้งการแก้ปัญหาปากท้อง การสร้างความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ และการขับเคลื่อนพลังงานสะอาดที่ตอบโจทย์โลกอนาคต
สำหรับประชาชน สิ่งที่ต้องจับตามองคือ ความสามารถของทีมรัฐมนตรีคนนอกเหล่านี้จะสามารถทำให้ ประเทศไทยก้าวไปข้างหน้าอย่างมั่นคง หรือจะเจอแรงเสียดทานจากโครงสร้างการเมืองที่ซับซ้อน บ้านกีฬา ขอติดตามและนำเสนอทุกความเคลื่อนไหวสำคัญให้ท่านอย่างใกล้ชิด
ติดตาม ข่าวเด่น ข่าววันนี้ ที่ ข่าวการค้นหาที่มาแรงบ้านกีฬา