
ขณะที่รัฐสภาไทยกำลังระอุด้วยการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีคนที่ 32 ศึกระหว่าง “อนุทิน ชาญวีรกูล” และ “ชัยเกษม นิติสิริ” กำลังเข้มข้นเต็มสูบ ทว่าเงาใหญ่ที่ยังคงปรากฏชัดในทุกข่าวการเมือง คือชื่อของ “ทักษิณ ชินวัตร” อดีตนายกรัฐมนตรี ที่แม้ไม่ดำรงตำแหน่งใดแล้ว แต่ยังสามารถปลุกกระแสให้โซเชียลลุกเป็นไฟได้ทุกการเคลื่อนไหว ล่าสุดเจ้าตัวบินออกนอกประเทศด้วยเครื่องบินเจ็ตส่วนตัวรุ่น Bombardier Global 7500 สนนราคากว่า 2.2 พันล้านบาท พร้อมให้เหตุผลว่า “ไปพบแพทย์” ก่อนจะยืนยันว่าจะกลับมาฟังคำตัดสินคดีสำคัญในวันที่ 9 กันยายน 2568
ภาพซ้อนการเมือง: ทักษิณออกนอกประเทศวันเดียวกับการโหวตนายกฯ
เมื่อวันที่ 4 กันยายน 2568 เวลาประมาณ 19.00 น. นายทักษิณ ชินวัตร ได้เดินทางออกจากประเทศไทยผ่านสนามบินดอนเมืองโดยใช้เครื่องบินเจ็ตหรู Bombardier Global 7500 โดยมีเป้าหมายเดิมคือประเทศสิงคโปร์ แต่ภายหลังเปลี่ยนเส้นทางไปยังดูไบ โดยให้เหตุผลว่าเนื่องจากการตรวจคนเข้าเมืองล่าช้า ทำให้สนามบินที่สิงคโปร์ปิดก่อน เจ้าตัวจึงตัดสินใจเดินทางไปหาหมอที่ดูไบแทน
การเดินทางครั้งนี้เกิดขึ้น “ก่อนไม่กี่ชั่วโมง” ที่รัฐสภาจะเปิดประชุมเพื่อโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีคนที่ 32 ซึ่งเป็นประเด็นร้อนแรงที่ทั้งประเทศจับตามอง จึงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่การเคลื่อนไหวของอดีตผู้นำจะถูกโยงเข้ากับสถานการณ์การเมืองปัจจุบัน และอาจสะท้อน “เกมลับหลังฉาก” ที่ยังคงส่งอิทธิพลต่อเกมอำนาจในสภาอย่างไม่เสื่อมคลาย
เจ็ตส่วนตัวหรู Bombardier Global 7500 มูลค่า 2.2 พันล้าน บ้านบินได้ของทักษิณ
หนึ่งในไฮไลต์ที่ถูกพูดถึงหนาหูในโลกออนไลน์ คือเครื่องบินที่นายทักษิณใช้เดินทางออกนอกประเทศ ซึ่งมีการเปิดเผยว่าเป็นรุ่น Bombardier Global 7500 เครื่องบินเจ็ตส่วนตัวสุดหรูที่สามารถเรียกได้ว่าเป็น “บ้านเคลื่อนที่บนท้องฟ้า”
เครื่องบินรุ่นนี้ผลิตโดยบริษัท Bombardier ของแคนาดา มาพร้อมห้องโดยสาร 4 โซน แยกเป็นห้องนั่งเล่น ห้องนอนใหญ่ ห้องน้ำ พร้อมระบบบันเทิงระดับโรงหนัง ภายในมีที่นั่งแบบ Zero Gravity ลดแรงกดทับและรองรับสรีระ เหมาะสำหรับผู้โดยสารที่มีปัญหาสุขภาพ ต้องเดินทางไกล บินได้ไกลถึง 14,300 กิโลเมตร รองรับผู้โดยสารได้สูงสุด 19 คน ราคาต่อหนึ่งลำอยู่ที่ประมาณ 2.2 พันล้านบาท ถือเป็นหนึ่งในเจ็ตส่วนตัวที่หรูหราที่สุดในโลก
โต้กลับแรง! “ชัยวุฒิ” พปชร. ซัดตรง “ทักษิณ” อ้างหมอตลอด คาดโยงเกมการเมือง
ด้านนายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ให้สัมภาษณ์ระบุชัดว่า “นายทักษิณอ้างหาแพทย์เป็นประจำ” และตั้งข้อสังเกตว่าการเดินทางครั้งนี้ไม่ใช่เรื่องสุขภาพอย่างที่กล่าวอ้าง แต่เป็นการเคลื่อนไหวที่ “สอดรับ” กับวันโหวตนายกรัฐมนตรี โดยกล่าวว่า “คนไทยทั้งประเทศก็ดูออก” พร้อมเสริมว่าเรื่องสำคัญคือการเดินหน้าฟอร์มรัฐบาลเพื่อแก้ไขปัญหาปากท้องของประชาชน ไม่ใช่ประเด็น “บินไปไหนของใคร”
ชัยวุฒิยังระบุเพิ่มเติมว่า พรรคพลังประชารัฐจะร่วมโหวตให้นายอนุทิน และมีข้อตกลงเรื่องการจัดตั้งรัฐบาลไว้เรียบร้อย รวมถึงพูดคุยเบื้องต้นเรื่องเก้าอี้รัฐมนตรี 4 ตำแหน่งที่พรรคคาดว่าจะได้รับ ซึ่งรวมถึงกระทรวงกลาโหมที่ยังต้องหารือกันอีกครั้ง
“คดีชั้น 14” ศาลนัดฟังตัดสิน 9 ก.ย. ทักษิณย้ำจะกลับไทยแน่นอน
ประเด็นสำคัญที่ทำให้การเดินทางของทักษิณถูกจับตาอย่างหนัก คือกำหนดนัดฟังคำตัดสินคดีที่เรียกว่า “คดีชั้น 14” ในวันที่ 9 กันยายน 2568 ซึ่งเป็นหนึ่งในคดีสำคัญที่ยังอยู่ในกระบวนการพิจารณา ทักษิณประกาศอย่างมั่นใจว่า “จะกลับไทยแน่นอนในวันที่ 8” เพื่อเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมตามกฎหมาย
อย่างไรก็ตาม ฝ่ายการเมืองและนักวิชาการจำนวนมากต่างตั้งคำถามว่า การเดินทางของทักษิณครั้งนี้ เป็นการ “สร้างเงื่อนไข” หรือ “แสดงภาพลักษณ์” เพื่อเปลี่ยนแปลงการรับรู้ของสาธารณชน หรือเป็นเพียงการเดินทางเพื่อสุขภาพจริง ๆ
เกมสั่นคลอนอำนาจ: ทักษิณยังคงมีบทบาทแม้ไร้ตำแหน่ง
แม้จะไม่มีตำแหน่งทางการเมืองอีกต่อไป แต่อิทธิพลของ “ทักษิณ” ในพรรคเพื่อไทย และแวดวงการเมืองไทยยังไม่เลือนหาย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องดีลลับ เสียงโหวตงูเห่า หรือการขยับของฝ่ายรัฐบาลเสียงข้างน้อย การเคลื่อนไหวของเขายังถูกใช้เป็น “จุดปะทะ” ทางวาทกรรมการเมืองจากทั้งฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้านอยู่เสมอ
การกลับประเทศเมื่อปี 2566 พร้อมภาพ “นั่งรถเข็นเข้าสนามบินดอนเมือง” กลายเป็นภาพจำแห่งยุค และสะท้อนถึงพลังเชิงสัญลักษณ์ที่แม้จะพยายามสร้างภาพ “ป่วย-อ่อนแรง” แต่กลับเต็มไปด้วยอำนาจที่ยังคงเหนียวแน่น
บทสรุป: ทักษิณยังอยู่ในเกม — เพียงแค่เปลี่ยนโต๊ะ
ในวันที่สภาโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีคนที่ 32 “ทักษิณ” อาจไม่ได้อยู่ในห้องประชุม แต่ชื่อของเขายังสะท้อนก้องอยู่ในทุกห้องข่าว ทุกบรรทัดของบทวิเคราะห์ และทุกเสียงโต้เถียงในสังคมไทย
เขาอาจไม่ใช่ผู้เล่นหลักในเกมนับคะแนนเสียงในสภา แต่เขาคือผู้ที่กำหนดบรรยากาศของเกม — ผ่านการปรากฏตัว การเดินทาง การโพสต์ และการนิ่งเฉย
การโหวตนายกฯ ครั้งนี้จะจบลงอย่างไร ยังไม่มีใครล่วงรู้ได้ แต่หากจะพูดถึงผู้มีอิทธิพลในเงา ท่ามกลางแสงไฟที่จับอยู่บนเวที “ทักษิณ ชินวัตร” ยังครองบทบาทนั้นได้อย่างไม่มีใครแทนที่
ติดตาม ข่าวเด่น ข่าววันนี้ ที่ ข่าวการค้นหาที่มาแรงบ้านกีฬา