ภูมิธรรมทูลเกล้าฯ ยุบสภา! การเมืองไทยระอุ พรรคประชาชนยกมือหนุนอนุทินนั่งนายกฯ

ดูบอลสด ดูบอลออนไลน์ฟรี 24 ชั่วโมง

การเมืองไทยร้อนแรงยิ่งกว่าฤดูร้อน เมื่อ พรรคประชาชน ภายใต้การนำของ ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ ประกาศจุดยืนชัดเจน ยกมือโหวตสนับสนุน อนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ขึ้นดำรงตำแหน่ง นายกรัฐมนตรีคนใหม่ พร้อมเปิดเงื่อนไขเด็ดสะเทือนแผ่นดิน ด้าน ภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการนายกรัฐมนตรี เดินเกมการเมืองพลิกทุกนาที ด้วยการ ทูลเกล้าฯ ยุบสภา สร้างแรงสั่นสะเทือนต่อทุกพรรคการเมือง และความเชื่อมั่นของประชาชน

พรรคประชาชนหนุนอนุทิน – ไม่ใช่การฟอร์มรัฐบาล

การแถลงข่าวที่รัฐสภาเมื่อวันที่ 3 กันยายน 2568 กลายเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญ เมื่อ ณัฐพงษ์ หัวหน้าพรรคประชาชน ประกาศอย่างเป็นทางการว่า หากมีการประชุมเพื่อโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี พรรคประชาชนจะยกมือให้อนุทิน ชาญวีรกูล แต่ย้ำชัดว่า นี่ไม่ใช่การจับมือจัดตั้งรัฐบาล หากแต่เป็นการสนับสนุนเชิงหลักการภายใต้เงื่อนไข 5 ข้อสำคัญ โดยพรรคประชาชนยังคงทำหน้าที่ฝ่ายค้านตามเดิมเพื่อถ่วงดุลอำนาจ

ณัฐพงษ์ยังตอบโต้เสียงวิจารณ์อย่างเผ็ดร้อน โดยเฉพาะต่อพรรคเพื่อไทย ที่ถูกมองว่ายื้อเกมการเมืองจนนาทีสุดท้าย พร้อมเหน็บแรงว่า “เพื่ออะไร” และย้ำว่าประชาชนต่างเข้าใจและสามารถประเมินได้ด้วยตัวเอง

เงื่อนไข 5 ข้อของพรรคประชาชน

  1. รัฐบาลชุดใหม่ต้องยุบสภาภายใน 4 เดือนหลังการแถลงนโยบาย
  2. หากศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งให้ทำประชามติ ต้องดำเนินการทันทีเพื่อเปิดทางสู่การเขียนรัฐธรรมนูญใหม่โดยสภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.)
  3. หากไม่ต้องทำประชามติ รัฐบาลใหม่ต้องเร่งผลักดันแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 256 เพื่อเปิดทางจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่
  4. พรรคภูมิใจไทยต้องไม่จัดตั้งรัฐบาลเสียงข้างมากเพื่อคงความชัดเจนว่าจะยุบสภาตามกำหนด
  5. ทุกขั้นตอนต้องเสร็จสิ้นภายในวาระรัฐบาลชุดนี้

นี่คือหมากการเมืองที่สะท้อนความพยายามของพรรคประชาชนในการผลักดันให้ประเทศเข้าสู่การเลือกตั้งใหม่ภายในเวลาอันสั้น สร้างโอกาสให้ประชาชนได้มีส่วนร่วมในการกำหนดอนาคตประเทศอย่างแท้จริง

ภูมิธรรมเดินเกม – ยื่นพระราชกฤษฎีกายุบสภา

เพียงไม่กี่นาทีหลังการแถลงข่าวของพรรคประชาชน สถานการณ์การเมืองก็พลิกผัน เมื่อ ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และ รมว.มหาดไทย ที่ทำหน้าที่รักษาการนายกรัฐมนตรี ได้ยื่นพระราชกฤษฎีกายุบสภาขึ้นทูลเกล้าฯ เป็นที่เรียบร้อย สร้างแรงสะเทือนการเมืองทันที เพราะรัฐบาลที่เหลือเสียงเพียง 130 กว่าเสียงไม่อาจเดินหน้าบริหารประเทศต่อไปได้

แม้เพียงวันก่อนหน้า ภูมิธรรมยังบอกสื่อว่ายังไม่ชัดเจนเรื่องยุบสภา แต่เช้าวันรุ่งขึ้นกลับเป็นผู้กดปุ่มทำให้การเมืองไทยเดินหน้าเข้าสู่โหมดใหม่ นี่คือสิ่งที่สะท้อนว่าทุกนาทีบนเวทีการเมืองไทย ไม่มีคำว่าคงที่ ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา

ยุบสภา = ปลดล็อก หรือเพิ่มวิกฤติ?

การยุบสภาครั้งนี้ถูกมองได้สองมุม ด้านหนึ่งคือการปลดล็อกความขัดแย้ง เปิดทางให้ประชาชนได้กลับมาตัดสินใจด้วยการเลือกตั้ง แต่ในอีกมุมหนึ่งก็สร้างความไม่แน่นอนต่อเศรษฐกิจและความเชื่อมั่นของต่างชาติ เพราะกว่าจะได้รัฐบาลใหม่ที่มั่นคงอาจต้องใช้เวลา ขณะที่ปัญหาปากท้องของประชาชนยังรอการแก้ไขอย่างเร่งด่วน

ยุบสภากับการเมืองไทย

ย้อนดูประวัติศาสตร์การเมืองไทย การยุบสภาไม่ใช่เรื่องใหม่ นับตั้งแต่ปี 2535 เป็นต้นมา เกิดการยุบสภาหลายครั้ง ทั้งเพื่อหนีวิกฤติทางการเมือง ปัญหาความชอบธรรม หรือแม้กระทั่งการแก้เกมฝ่ายตรงข้าม แต่ทุกครั้งสะท้อนให้เห็นว่า “ประชาชน” คือผู้ตัดสินขั้นสุดท้าย และการเลือกตั้งคือกลไกเดียวที่จะสร้างความชอบธรรมที่แท้จริง

บทสรุป

สถานการณ์การเมืองไทยในขณะนี้ เหมือนเกมหมากรุกที่เดินอย่างเข้มข้น พรรคประชาชนเลือกเดินหมากหนุนอนุทินขึ้นนายกฯ แต่ยังยืนหยัดเป็นฝ่ายค้าน ขณะที่ภูมิธรรมเลือกใช้ไม้เด็ด ยุบสภาเปิดทางสู่การเลือกตั้งใหม่ ทุกฝ่ายต่างจับตามองว่าสนามการเมืองรอบใหม่จะพลิกไปทิศทางใด และใครจะเป็นผู้กุมแต้มต่อในศึกใหญ่ครั้งนี้

ติดตาม ข่าวเด่น ข่าววันนี้ ที่ ข่าวการค้นหาที่มาแรงบ้านกีฬา

ตรวจหวย 24 ชั่วโมง หวยลาว หวยฮานอย

แอดไลน์ @Bankeela รับลิ้งดูบอล ทีเด็ด วิเคราะห์บอลจากทางบ้านกีฬา