
สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ระอุถึงขีดสุด! ล่าสุดมีรายงานตรงจากพื้นที่ ภูมะเขือ อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ เมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2568 เผยให้เห็นภาพชัดเจนว่า ทหารไทย ได้เคลื่อนกำลังเข้ายึดพื้นที่ยุทธศาสตร์สำคัญแห่งนี้อย่างเต็มรูปแบบ พร้อมเดินหน้าปฏิบัติการขั้นเด็ดขาด ด้วยการ ระเบิดเสาสัญญาณ Smart Network ของกัมพูชา บนยอดภู และ ปล่อยโดรนทิ้งระเบิดโจมตีที่ตั้งทางทหารของเขมร บริเวณเชิงเขาแบบแม่นยำ
ความเคลื่อนไหวล่าสุดที่ถูกเปิดเผยโดย กองทัพบก พร้อมคลิปหลักฐานการใช้โดรนทางยุทธวิธี สร้างแรงสะเทือนต่อฝ่ายตรงข้าม และปลุกความตื่นตัวในสังคมไทยทั้งในประเทศและต่างประเทศ ทำให้เหตุการณ์ชายแดนครั้งนี้กลายเป็นข่าวใหญ่ที่ต้องจับตา
📍 พื้นที่ยุทธศาสตร์ “ภูมะเขือ” คืออะไร ทำไมจึงสำคัญ?
ภูมะเขือ เป็นพื้นที่ชายแดนบนสันเขาตะวันออกของไทย ติดกับจังหวัดเปรียะเวียร์ของกัมพูชา มีลักษณะเป็นภูเขาสูงชัน มองเห็นได้ไกลในแนวรัศมีทางยุทธศาสตร์กว่า 10 กิโลเมตร มีความสำคัญทางการทหารเพราะสามารถควบคุมการเคลื่อนไหวของทั้งสองฝั่งได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ในอดีต “ภูมะเขือ” เคยเป็นพื้นที่พิพาทที่ยังไม่มีการปักปันเขตแดนอย่างชัดเจน ทำให้มักเกิดความตึงเครียดระหว่างกองกำลังทั้งสองฝ่ายอยู่บ่อยครั้ง โดยเฉพาะเมื่อฝั่งกัมพูชาเริ่มสร้างโครงสร้างพื้นฐานอย่างกระเช้าไฟฟ้าและเสาสัญญาณโทรคมนาคมในพื้นที่ที่ไทยถือว่าอยู่ในเขตตน
💣 ทหารไทยเดินหน้า ยึด-ทำลายโครงสร้างเขมร!
จากการสืบข่าวในพื้นที่ พบว่าปฏิบัติการล่าสุดเริ่มขึ้นหลังจากไทยสามารถควบคุมพื้นที่บนยอดภูได้ทั้งหมด หน่วยรบพิเศษได้เคลียร์ทาง พร้อมทำลาย กระเช้าไฟฟ้าและบันไดขึ้นภู ที่ทหารเขมรเคยใช้สัญจร จากนั้นจึงเดินหน้าตัดระบบสื่อสารโดย ทำลายเสาสัญญาณ Smart Network ของกัมพูชาบนยอดภู ซึ่งเป็นโครงข่ายสำคัญในการสื่อสารทางทหาร
พร้อมกันนี้ ฝ่ายไทยได้ใช้ โดรนติดระเบิดโจมตีจุดที่ตั้งของทหารกัมพูชาด้านล่างภู สร้างแรงกดดันเชิงจิตวิทยา และแสดงแสนยานุภาพทางยุทโธปกรณ์ของฝ่ายไทยในรูปแบบใหม่ที่แม่นยำและควบคุมได้จากระยะไกล
🎯 ภาพจริง จากกองทัพบก สะเทือนใจคนทั้งประเทศ
หนึ่งในจุดเด่นของเหตุการณ์ครั้งนี้คือ ภาพที่กองทัพบกเผยแพร่ แสดงให้เห็นภาพขณะโดรนเคลื่อนตัวเหนือจุดยุทธศาสตร์ ก่อนทิ้งวัตถุระเบิดลงยังจุดเป้าหมายของฝั่งกัมพูชาอย่างเฉียบขาด เสียงระเบิดที่ตามมาและควันโขมงขึ้นจากฐานที่มั่นศัตรูเป็นหลักฐานสำคัญถึงความสำเร็จของปฏิบัติการในครั้งนี้
เหตุการณ์ครั้งนี้ไม่เพียงแต่เป็นการตอบโต้เพื่อความมั่นคง แต่ยังแสดงให้เห็นถึงความพร้อมของกองทัพไทยในการป้องกันอธิปไตยอย่างไม่ลังเล โดยเฉพาะในพื้นที่ชายแดนที่ยังไม่มีการตกลงเรื่องเขตแดนอย่างเป็นทางการ
🧭 มุมมองทางกฎหมาย-ระหว่างประเทศ: ไทยเดินบนเส้นด้าย?
แม้ปฏิบัติการครั้งนี้จะถือเป็นชัยชนะทางยุทธศาสตร์ในระดับหนึ่ง แต่ในด้านของ กฎหมายระหว่างประเทศ และความสัมพันธ์ทางการทูต ยังคงมีคำถามว่าการโจมตีโครงสร้างพื้นฐานของอีกประเทศหนึ่งในพื้นที่พิพาทเช่นนี้ อาจส่งผลกระทบต่อบทบาทของไทยในเวทีโลก หรือเปิดช่องให้เขมรยื่นเรื่องต่อคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติหรือไม่
อย่างไรก็ตาม กระทรวงการต่างประเทศของไทยยังไม่ได้ออกแถลงการณ์ในขณะนี้ ขณะที่กระแสในโลกออนไลน์กลับลุกเป็นไฟ หลายคนแสดงความเห็นสนับสนุนการเคลื่อนไหวของกองทัพไทยเพื่อรักษาอธิปไตยของชาติอย่างเต็มที่
🛡️ สะท้อนขีดความสามารถทัพไทยสู่การสู้รบยุคใหม่
หนึ่งในข้อสังเกตที่น่าจับตามองคือ การใช้ โดรนติดระเบิด ของกองทัพไทยในครั้งนี้ ถือเป็นการเปิดศักราชใหม่ของสงครามเชิงเทคโนโลยีของไทยอย่างแท้จริง ระบบอากาศยานไร้คนขับ (UAV) ที่ได้รับการพัฒนาขึ้นภายในประเทศหรือได้รับการจัดซื้อจากต่างประเทศ ถูกนำมาใช้จริงในสนามรบ สะท้อนว่าไทยไม่ได้นิ่งเฉยต่อการพัฒนาแสนยานุภาพในยุคดิจิทัล
นอกจากนี้ การยึดภูมะเขือได้อย่างสมบูรณ์ ยังถือเป็นความสำเร็จของการวางแผนและกำลังพลอย่างมีประสิทธิภาพ สร้างขวัญกำลังใจให้ทหารและคนไทยทั้งประเทศ
🗓️ ชายแดนไทย-กัมพูชา: ความตึงเครียดที่ยังไม่สิ้นสุด
แม้ในตอนนี้ ฝ่ายไทยจะควบคุมภูมะเขือได้ทั้งหมด แต่สถานการณ์ยังห่างไกลจากคำว่า “สงบ” เมื่อยังไม่มีท่าทีจากรัฐบาลกัมพูชาว่าจะตอบโต้หรือไม่อย่างไร อีกทั้งพื้นที่ชายแดนในเขตอื่นๆ เช่น พระวิหาร, ภูมิซรอล, ช่องสะงำ ก็ยังคงมีการตรึงกำลังทั้งสองฝ่ายอย่างเข้มข้น
การเฝ้าระวังยังคงต้องดำเนินต่อเนื่อง พร้อมการเตรียมพร้อมในทุกมิติของความมั่นคง ซึ่งอาจเป็นปัจจัยชี้ขาดว่า วิกฤตชายแดนรอบนี้จะคลี่คลาย หรือปะทุขึ้นอีกในเวลาอันใกล้
ติดตาม ข่าวเด่น ข่าววันนี้ ครบทุกมุมร้อนแรงของสถานการณ์ชายแดน ได้ที่ ข่าวการค้นหาที่มาแรงบ้านกีฬา — แหล่งข่าวที่เชื่อถือได้ของคนไทยหัวใจเข้มแข็ง!