
สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชาในพื้นที่ ภูมะเขือ และจุดยุทธศาสตร์ใกล้เคียงยังคงระอุ! หลังเหตุปะทะดุเดือดต่อเนื่องหลายวัน กลายเป็นเรื่องใหญ่ที่โลกต้องจับตา เมื่อ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐอเมริกา ตัดสินใจ “โทรตรง” ขู่ทั้งสองผู้นำของไทยและกัมพูชาให้ หยุดยิงทันที มิเช่นนั้นจะยุติการเจรจาการค้าทั้งหมดกับทั้งสองประเทศ
ฝั่งกัมพูชาเปิดเกมรุกหนักช่วงเช้ามืดของวันที่ 27 กรกฎาคม โดยใช้อาวุธหนักระดับ BM-21 จรวดหลายลำกล้อง ยิงใส่ฝั่งไทยในโซนปราสาทตาควาย จ.สุรินทร์ ตั้งแต่เวลา 04.30 น. พร้อมเสียงปืนใหญ่อื้ออึงต่อเนื่องข้ามแดน มีรายงานว่ากระสุนตกใส่บ้านเรือนประชาชนบริเวณใกล้เคียง แม้ยังไม่มีผู้เสียชีวิต แต่ความเสียหายด้านทรัพย์สินเริ่มกระจายเป็นวงกว้าง
ไทยไม่อยู่เฉย! ทหารไทยสวนกลับทันที ด้วยอาวุธหนัก และขยายแนวปะทะไปยังพื้นที่ “ช่องจอม” ที่อยู่ติดแนวชายแดน ขณะเดียวกันในช่วงเช้าวันเดียวกัน เวลา 08.00 น. ฝ่ายไทยยืนยันว่าได้ “ยึดคืนพื้นที่ยุทธศาสตร์ช่องอานม้า” พร้อมภาพบรรยากาศแห่งความฮึกเหิม ขณะทหารไทยเชิญธงชาติขึ้นสู่ยอดเสาและร้องเพลงชาติไทยกึกก้อง ประกาศชัดว่า “เอกราชจะไม่ให้ใครข่มขี่!”
ฝั่งวาทกรรมการเมืองก็ร้อนแรงไม่แพ้แนวรบ! ทรัมป์ โพสต์ข้อความผ่านบัญชี @realDonaldTrump ระบุว่า เขาได้ “พูดคุยโดยตรงกับผู้นำทั้งไทยและกัมพูชา” และบอกชัดว่า “หากยังไม่หยุดยิง สหรัฐฯ จะไม่ทำข้อตกลงทางการค้ากับทั้งสองประเทศ” โดยอ้างถึงกรณีความขัดแย้งอินเดีย-ปากีสถานที่สหรัฐเคยช่วยให้สงบได้สำเร็จ ซึ่งเขาเชื่อว่าเหตุการณ์ไทย-กัมพูชา จะลงเอยด้วยสันติภาพเช่นกัน
ข้อความจากทรัมป์ยังชี้ว่า “การเจรจากับกัมพูชาเสร็จสิ้นไปแล้ว ส่วนการเจรจากับประเทศไทยเพิ่งเริ่มต้น แต่ทั้งสองฝ่ายแสดงเจตจำนงตรงกันว่าอยากให้เกิดการหยุดยิงและกลับสู่โต๊ะเจรจา” เขายังเผยด้วยว่า การลงนามข้อตกลงทางการค้ากับทั้งสองประเทศจะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อความสงบกลับคืนมา
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่พื้นที่แถบ ภูมะเขือ, ปราสาทตาควาย และช่องอานม้า กลายเป็นจุดล่อแหลมของสงครามระหว่างสองชาติในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ด้วยสภาพภูมิประเทศที่เชื่อมต่อแนวเขาพนมดงรัก พื้นที่นี้ไม่เพียงมีความสำคัญทางทหาร แต่ยังเป็นเส้นทางลำเลียงการค้าและทรัพยากรระหว่างประเทศ หากเกิดสงครามยืดเยื้อ ย่อมส่งผลต่อเศรษฐกิจในภูมิภาคโดยรวม
จากรายงานล่าสุด แม้เสียงปืนใหญ่จะยังดังเป็นระยะๆ แต่ฝั่งสหรัฐฯกำลัง “จับมือบีบคอ” ทั้งสองฝ่ายด้วยมาตรการกดดันทางการค้า เป็นการใช้ “ไม้แข็ง” เพื่อให้ไฟสงครามมอดลง ก่อนลามกลายเป็นปัญหาใหญ่ระดับภูมิภาค
เหตุการณ์ครั้งนี้ชี้ให้เห็นว่า “ภูมะเขือ” ไม่ใช่แค่หมู่บ้านชายแดนเล็ก ๆ อีกต่อไป แต่กลายเป็นหมากตัวสำคัญบนกระดานการทูตโลก ที่สะท้อนว่า ความขัดแย้งในจุดเล็กเพียงใด หากไม่เร่งควบคุม ก็พร้อมจะจุดไฟให้ลุกลามทั้งภูมิภาค และอาจเปลี่ยนเกมเศรษฐกิจของไทย-กัมพูชา ไปอีกหลายปี
บ้านกีฬา ขอส่งแรงใจให้ทหารไทยและประชาชนทุกคนในพื้นที่แนวหน้า ขอให้ปลอดภัยจากเหตุปะทะในครั้งนี้ พร้อมติดตามความคืบหน้าของ “สงครามการค้าผสมควันปืน” อย่างใกล้ชิด
หากคุณไม่อยากพลาดเหตุการณ์สำคัญแบบนี้อีก ติดตาม ข่าวเด่น ข่าววันนี้ ได้ที่ ข่าวการค้นหาที่มาแรงบ้านกีฬา