
สถานการณ์ชายแดนระอุอีกครั้ง หลังเหตุการณ์ “กระสุนปืนใหญ่ตกฝั่งลาว“ เมื่อช่วงเช้าของวันที่ 26 กรกฎาคม 2568 ณ บริเวณสามเหลี่ยมมรกต จุดบรรจบของพรมแดน ไทย–ลาว–กัมพูชา ได้กลายเป็นประเด็นร้อนในสังคมทั้งไทยและลาว ท่ามกลางความตึงเครียดทางการทหารที่ยังคุกรุ่น ระหว่างฝั่งไทยและกัมพูชา
ในขณะที่บางกระแสพยายามโยนความผิดให้ไทยว่าเป็นผู้ยิงกระสุนเหล่านั้นข้ามแดน กองทัพไทยกลับยืนยันชัดว่า “ไม่ใช่ของเรา” พร้อมเปิดหลักฐานการตรวจสอบร่วมกับ สปป.ลาว และเผยข้อมูลเชิงลึกที่อาจชี้ไปถึง “เจตนาซ่อนเร้น” ของฝ่ายกัมพูชา
📌 ไทยไม่ใช่ผู้ยิง! ลาวยืนยันเสียงแข็ง
จากเอกสารทางการที่เผยแพร่โดย กองทัพภาคที่ 2 และได้รับการยืนยันโดย SMART Soldiers Strong ARMY รวมถึงคำชี้แจงจาก พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบกระบุว่า ลูกกระสุนปืนใหญ่จำนวน 10 นัดที่ตกในพื้นที่ของลาว ไม่ได้มาจากฝั่งไทย แต่เป็น กระสุนที่ยิงโดยกัมพูชา ซึ่งถือเป็นการกระทำที่เสี่ยงต่อการละเมิดอธิปไตยของเพื่อนบ้าน
ฝ่ายไทยเน้นย้ำถึง ความแม่นยำในการควบคุมการใช้อาวุธ และการยึดหลักกติกาสากลอย่างเคร่งครัด โดยมีแนวทางสำคัญ 3 ข้อที่ถือเป็นหลักปฏิบัติในการปฏิบัติการชายแดน:
- ไม่ยิงกระทบเป้าหมายที่ไม่ใช่เป้าหมายทางทหาร
- ไม่ละเมิดเขตแดนของประเทศเพื่อนบ้าน
- ไม่ให้เกิดผลกระทบต่อพลเรือนโดยเด็ดขาด
🔥 กัมพูชาเคลื่อนไหว “ยิงผิดแต่เจตนา”
รายงานข่าวสายทหารระบุว่า เหตุการณ์เช่นนี้ ไม่ได้เกิดขึ้นเป็นครั้งแรก ฝ่ายกัมพูชาเคยใช้อาวุธยิงใส่เป้าหมายที่เป็นโบราณสถาน และสถานที่สำคัญที่ไม่ใช่เป้าหมายทางทหาร เพื่อพยายามบิดเบือนข้อเท็จจริงให้ประชาคมโลกเข้าใจผิดว่าเป็นฝีมือฝ่ายไทย
และในกรณีนี้ — การยิงกระสุนเข้าไปในฝั่งลาวซึ่งห่างจากแนวปะทะเป็นระยะที่เกินกว่าจะ “ยิงพลาด” ได้ เป็นสิ่งที่ผู้เชี่ยวชาญชี้ชัดว่า ไม่ใช่อุบัติเหตุ แต่เป็นเจตนา
🪖 ไทย–ลาว เดินหน้า “จับมือ–ไม่ถูกบิดเบือน”
ไทยยังคงรักษาความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นกับลาว โดยดำเนินการประสานงานใกล้ชิด พร้อมแสดงความเสียใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น รวมทั้งให้ความร่วมมือในการตรวจสอบข้อเท็จจริง เพื่อยืนยันว่าประเทศไทยไม่ได้เกี่ยวข้องกับการยิงกระสุนข้ามพรมแดนครั้งนี้
🔫 ทหารลาวปะทะกลุ่มติดอาวุธกัมพูชา – ยึดปืนได้ 4 กระบอก!
อีกด้านหนึ่งของความตึงเครียดคือเหตุการณ์ ทหารลาวปะทะกับกลุ่มติดอาวุธกัมพูชา ที่ลอบข้ามแดนเข้ามาในเขตแขวงจำปาสัก โดยเกิดการยิงปะทะอย่างรุนแรงบริเวณใกล้ช่องเม็ก จังหวัดอุบลราชธานี
ผลจากการปะทะดังกล่าว ทำให้เจ้าหน้าที่ลาวสามารถควบคุมสถานการณ์ได้อย่างเด็ดขาด จับกุมผู้ก่อเหตุได้ทั้งหมด 10 คน พร้อมยึดปืน 4 กระบอก และระเบิดอีกหลายลูก โดยมีรายงานผู้เสียชีวิต 3 ราย และบาดเจ็บ 1 ราย ซึ่งกำลังอยู่ในระหว่างสอบสวนขยายผล
⚠️ กองทัพไทยยืนยัน: วินัยและเกียรติ คือเกราะป้องกัน
พล.ต.วินธัย ยังเน้นย้ำถึง “วินัยของทหารไทย” ว่าเป็นสิ่งที่ฝึกฝนอย่างเคร่งครัด และถือเป็นหัวใจของการใช้อาวุธยุทโธปกรณ์ทุกประเภท โดยเฉพาะในสถานการณ์ที่อ่อนไหว เช่น การปฏิบัติการใกล้พื้นที่ชายแดน ที่อาจส่งผลต่อประเทศเพื่อนบ้านหากควบคุมไม่ได้
ประเทศไทยจึงยึดมั่นในหลักการ “อำนาจต้องควบคู่กับความรับผิดชอบ” โดยไม่มีข้ออ้างใด ๆ สำหรับการกระทำที่เสี่ยงต่อความเสียหายต่อผู้บริสุทธิ์หรือประเทศอื่น
📣 สิ่งที่สังคมต้องรับรู้
- กระสุนที่ตกฝั่งลาว ไม่ใช่ของกองทัพไทย
- ฝ่ายไทยและลาวตรวจสอบร่วมกันและยืนยันข้อมูลตรงกัน
- ฝ่ายกัมพูชาเคยมีพฤติกรรมยิงใส่โบราณสถานและพื้นที่พลเรือนมาก่อน
- เหตุการณ์นี้สะท้อนความเสี่ยงจากพฤติกรรมบิดเบือนข้อเท็จจริงของกัมพูชา
🛡️ เพราะความจริงไม่มีวันหลงทาง
เหตุการณ์ “กระสุนตกฝั่งลาว” จึงไม่ใช่เพียงข่าวด่วนรายวัน แต่เป็นเครื่องสะท้อนถึงความสำคัญของความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ความจำเป็นในการมีระเบียบวินัยทางทหาร และการตระหนักถึงผลกระทบของ “เกมบิดเบือนข้อมูล” ที่อาจนำไปสู่ความเข้าใจผิดและความสูญเสียในระดับภูมิภาค
ติดตาม ข่าวเด่น และ ข่าววันนี้ ที่จะช่วยให้คุณไม่พลาดทุกสถานการณ์สำคัญ กับเราได้ที่ ข่าวการค้นหาที่มาแรงบ้านกีฬา