“คดีน้องเมย” สิ้นสุดแต่คาใจสังคม : เมื่อความยุติธรรมยังเป็นคำถามใหญ่

ดูบอลสด ดูบอลออนไลน์ฟรี 24 ชั่วโมง

“คดีน้องเมย” หรือ “คดีผลชันสูตรพลิกศพน้องเมย” กลายเป็นหนึ่งในปรากฏการณ์เขย่าความรู้สึกคนไทยทั้งประเทศตลอด 8 ปีที่ผ่านมา กับคำถามสำคัญว่า ความยุติธรรมที่แท้จริงอยู่ตรงไหน? วันนี้ บ้านกีฬา จะพาผู้อ่านไล่เรียงทุกมิติของคดีนี้อย่างละเอียด เพื่อให้เข้าใจทั้งข้อเท็จจริง คำตัดสิน และผลสะเทือนต่อสังคม พร้อมเนื้อหาที่ควรรู้เกี่ยวกับสิทธิพลเมืองและกฎหมายที่เกี่ยวข้อง

📌 คำตัดสินที่รอคอย…แต่ไม่จบในใจครอบครัว

เมื่อวันที่ 22 กรกฎาคม 2568 ศาลมณฑลทหารบกที่ 12 จังหวัดปราจีนบุรี มีคำพิพากษาชั้นฎีกายืนตามอุทธรณ์ ให้จำคุกนักเรียนเตรียมทหารรุ่นพี่ 4 เดือน 16 วัน ปรับ 15,000 บาท แต่รอลงอาญา 2 ปี ในข้อหาทำร้ายร่างกาย นายภคพงศ์ ตัญกาญจน์ (น้องเมย) จนเสียชีวิตเมื่อ 17 ตุลาคม 2560 ระหว่างถูกธำรงวินัยในโรงเรียนเตรียมทหาร

เหตุผลสำคัญของศาล คือ จำเลยยังเยาว์วัย ไม่เคยต้องโทษมาก่อน จึงให้โอกาสปรับปรุงตัวรับราชการต่อไป โดยไม่ติดคุกจริง

แต่สำหรับครอบครัวของน้องเมย คำพิพากษานี้ไม่อาจลบความเจ็บปวดและความรู้สึก “คาใจ” ได้ คุณแม่สุกัลยา กล่าวทั้งน้ำตาว่า “ถ้าลูกฉันยังอยู่ เขาก็ทำประโยชน์ให้ชาติได้เหมือนกัน แล้วตอนนี้ใครจะเยียวยาลูกฉัน”

🩺 คำถามใหญ่: ผลชันสูตร และอวัยวะที่หายไป

คดีนี้ไม่เพียงแต่เกี่ยวข้องกับการทำร้ายร่างกายเท่านั้น แต่ยังพัวพันกับประเด็นสังคมอีกหลายเรื่อง โดยเฉพาะการชันสูตรพลิกศพครั้งแรกที่โรงพยาบาลพระมงกุฎฯ ซึ่งครอบครัวพบว่า สมอง หัวใจ และกระเพาะอาหารของน้องเมยถูกเก็บไว้โดยไม่มีการแจ้ง ต่อมาเมื่อขอตรวจ DNA กลับพบว่าสารพันธุกรรมในอวัยวะเหล่านั้นมีน้อยมาก หรือบางชิ้นแทบไม่มี DNA เลย

ครอบครัวพยายามฟ้องร้องแพทย์นิติเวช แต่คดีไม่คืบหน้า ผู้เกี่ยวข้องบางรายไม่มาแสดงตัวตามหมายเรียก พยานถูกข่มขู่ จนกระทั่งทุกวันนี้ก็ยังไม่มีคำตอบที่ชัดเจนว่าเกิดอะไรขึ้นกับร่างของน้องเมย

⚖️ ระบบยุติธรรมที่ “สองมาตรฐาน”?

ประเด็นร้อนแรงคือเหตุใดคดีนี้ยังอยู่ในศาลทหาร ทั้งที่ในปัจจุบัน พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทรมานฯ กำหนดให้คดีทำนองนี้ขึ้นศาลพลเรือน นักวิชาการและนักการเมืองหลายฝ่าย เช่น สส.เอกราช อุดมอำนวย และ สส.วิโรจน์ ลักขณาอดิศร ออกมาเรียกร้องให้ปฏิรูปกฎหมายศาลทหารและให้คดีเช่นนี้อยู่ในอำนาจศาลพลเรือน เพราะการตัดสินลงโทษที่เบาเกินไปอาจเข้าข่ายละเมิดพันธกรณีตามอนุสัญญาต่อต้านการทรมานของสหประชาชาติ

การลงโทษจำคุกเพียง 4 เดือน รอลงอาญา 2 ปี สำหรับความผิดที่ทำให้คนหนึ่งเสียชีวิต สร้างคำถามว่าเหมาะสมแล้วหรือ?

👨‍👩‍👧 ครอบครัวที่ไม่ยอมแพ้

แม้คดีอาญานี้จะสิ้นสุดลงแล้ว แต่ครอบครัวตัญกาญจน์ยังคงเดินหน้าทวงถามความยุติธรรม โดยเตรียมยื่นคำร้องขอให้ศาลพลเรือนไต่สวนใหม่เกี่ยวกับผลชันสูตร เพื่อแก้ไขข้อกล่าวหาที่ว่าน้องเมย “ป่วยตาย” ให้หมดมลทิน

แม่ของน้องเมยโพสต์ข้อความสุดสะเทือนใจว่า “แม้เหลือเพียงลมหายใจเฮือกสุดท้าย แม่ก็จะสู้เพื่อให้ลูกได้ความเป็นธรรม”

🌍 บทเรียนและสิ่งที่สังคมควรรู้

  • สิทธิในการเข้าถึงความยุติธรรม: แม้จะเป็นคดีในค่ายทหาร ครอบครัวเหยื่อก็มีสิทธิเรียกร้องการตรวจสอบอย่างโปร่งใส
  • อนุสัญญาต่อต้านการทรมาน: ไทยเป็นภาคี จึงต้องรับผิดชอบให้การลงโทษสอดคล้องกับความร้ายแรงของการกระทำ
  • สิทธิของเหยื่อและครอบครัว: การเยียวยาที่เหมาะสมและการปฏิบัติด้วยความเคารพเป็นสิ่งสำคัญเพื่อฟื้นความเชื่อมั่นต่อสถาบันรัฐ

💬 เสียงสะท้อนสังคม

กระแสสังคมในออนไลน์เต็มไปด้วยความเห็นใจต่อครอบครัวน้องเมย หลายคนเขียนข้อความว่า “ขอบคุณแม่ที่สู้เพื่อความยุติธรรม” และ “เราต้องไม่ปล่อยให้ชีวิตของน้องเมยสูญเปล่า”

✍️ สรุป: คดีน้องเมยไม่ควรเป็นเพียงแค่บทเรียน แต่ต้องเป็นจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลง

คดีนี้เป็นสัญญาณเตือนสังคมไทยว่า การปฏิรูปกฎหมายและวัฒนธรรมองค์กรในหน่วยทหารต้องเกิดขึ้นจริง เพื่อให้สถาบันทหารเป็นที่พึ่งพาและน่าเชื่อถือ ไม่ใช่สถานที่แห่งความหวาดกลัวหรือการปิดบังความจริง

ชีวิตของน้องเมยไม่ควรดับสูญไปโดยไร้ค่า ความยุติธรรมที่แท้จริงยังรอให้ทุกฝ่ายร่วมกันสร้างให้เกิดขึ้นในสังคมนี้

ติดตาม ข่าวการค้นหาที่มาแรงบ้านกีฬา เพื่อตามล่าความจริงไปกับเรา

ตรวจหวย 24 ชั่วโมง หวยลาว หวยฮานอย

แอดไลน์ @Bankeela รับลิ้งดูบอล ทีเด็ด วิเคราะห์บอลจากทางบ้านกีฬา