
“The Fantastic Four: First Steps” ภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์เรื่องล่าสุดจากจักรวาลมาร์เวล สร้างเสียงฮือฮาตั้งแต่ประกาศโปรเจ็กต์ในฐานะการคืนชีพ ครอบครัวซูเปอร์ฮีโร่รุ่นบุกเบิกของโลกการ์ตูน ที่แฟน ๆ เฝ้ารอมากว่า 60 ปี การกลับมาครั้งนี้ไม่ใช่แค่การแก้มือจากความล้มเหลวของเวอร์ชันก่อนหน้า แต่เป็นการย้ำชัดว่า “มาร์เวล” ยังเข้าใจรากเหง้าและหัวใจของตัวละครที่เปลี่ยนโฉมหน้าซูเปอร์ฮีโร่ไปตลอดกาล
จุดเริ่มต้นของ “First Family” ที่ไม่เหมือนใคร
ย้อนกลับไปในปี 1961 สแตน ลี และ แจ็ค เคอร์บี้ เขียนการ์ตูน “Fantastic Four” ด้วยความตั้งใจจะสร้างตัวละครที่แตกต่างจากซูเปอร์ฮีโร่ยุคทองซึ่งเน้นความเท่ไร้ที่ติและปัญหาตื้น ๆ พวกเขาสร้างทีมที่เต็มไปด้วย มนุษย์ธรรมดาในคราบซูเปอร์ฮีโร่ มีความรัก ความเกลียด การโต้เถียง ความล้มเหลว ความฝันและความกลัวในแบบที่ผู้อ่านรู้สึกเข้าถึงได้ทันที
พวกเขาต่อสู้กับสัตว์ประหลาดจากต่างดาว พลังงานจักรวาล และภัยธรรมชาติ แต่ศัตรูตัวฉกาจที่สุดกลับเป็นความสงสัยในตัวเอง ความอิจฉาริษยา ความแตกต่างทางร่างกาย และความรับผิดชอบต่อโลก ที่สำคัญ “ครอบครัว” ของพวกเขาไม่เคยเป็นครอบครัวในอุดมคติ แต่เป็นครอบครัวจริง ๆ ที่ทะเลาะกันแต่ยังอยู่ด้วยกันเสมอ
ฮอลลีวูดยุคก่อนที่พยายามแต่ยังพลาด
ก่อนจะมาถึง The Fantastic Four: First Steps โลกภาพยนตร์เคยได้เห็นความพยายามดัดแปลงเรื่องนี้มาแล้วถึง 4 ครั้ง เริ่มจากเวอร์ชันต้นทุนต่ำของโรเจอร์ คอร์แมน ที่แม้โทนเรื่องถูกต้องแต่ภาพดูไม่จริงจัง ตามมาด้วยเวอร์ชันของทิม สตอรี่ ที่เน้นดราม่าครอบครัวมากเกินไปจนกลายเป็นซิตคอม และ “Fant4stic” ที่พยายามทำให้ดาร์กและดิบซึ่งไม่ใช่แนวทางของแฟนแทสติกโฟร์เลยแม้แต่น้อย
จนกระทั่ง “The Incredibles” ของพิกซาร์กลับทำได้ใกล้เคียงกับหัวใจของเรื่องมากกว่า ทั้งที่เป็นเพียง “แรงบันดาลใจ” ไม่ใช่เรื่องจริง
เมื่อมาร์เวลทวงคืน และ “First Steps” กำเนิด
หลังดิสนีย์ซื้อลิขสิทธิ์กลับมา มาร์เวลเลือกมอบหมายให้แมตต์ ชักแมน ผู้กำกับจากซีรีส์ WandaVision หยิบคอนเซ็ปต์ย้อนยุคสู่ยุค 60s ให้ The Fantastic Four: First Steps กลับมาในโทนเรโทรสุดสดใส โลกแห่งวิทยาศาสตร์สุดประหลาด เครื่องแต่งกายสีฟ้าคลาสสิก และความขำขันแบบครอบครัว แต่ยังคงความยิ่งใหญ่ของการเผชิญหน้ากับจักรวาลที่น่ากลัวอย่าง “กาลัคตัส” และผู้ส่งสาร “ซิลเวอร์เซิร์ฟเฟอร์”
หนังเล่าเรื่องในโลกที่ไม่มีซูเปอร์ฮีโร่คนอื่น ทำให้ทีมโฟร์โดดเด่นในฐานะ “ความหวังของมนุษยชาติ” การเดินเรื่องรวบรัดด้วยฟุตเทจข่าวเก่าและฉากแอ็กชันสุดแปลกตาอย่างการต่อสู้กับลิงซูเปอร์ของเรดโกสต์ ก่อนเข้าสู่ปมหลักของครอบครัวที่กำลังจะมีลูก โดยไม่รู้ว่าเด็กคนนั้นจะเป็นมนุษย์หรือสัตว์ประหลาด และการมาเยือนของซิลเวอร์เซิร์ฟเฟอร์ที่เตือนว่าโลกกำลังจะถูกกินเป็นอาหารโดยกาลัคตัส
ความแข็งแกร่งและจุดอ่อน
หนังเต็มไปด้วยเสน่ห์ของยุคสมัย การออกแบบฉากและเทคโนโลยีสุดเฟี้ยวจากยุคเจ็ตสันส์ เฮิร์บบี้หุ่นเล็ก ๆ ช่วยเลี้ยงเด็ก บู๊ทขาว ชอล์กบนกระดานดำ และการอ้างอิงหนังเก่าอย่าง “Gorath” ของอิชิโระ ฮอนดะ
ในแง่แคสต์ Pedro Pascal ในบทรี้ด ริชาร์ดส์ และ Vanessa Kirby ในบทซู สตอร์ม ถ่ายทอดความเป็นพ่อแม่ยุค 60 ที่ทั้งรักทั้งกังวลได้อย่างน่าประทับใจ ขณะที่ Ebon Moss-Bachrach ในบทเบ็น กริมม์ ยังคงเป็นหัวใจอบอุ่นของทีม แม้จะซ่อนอยู่ใต้ใบหน้าหินที่ CG ยังคงไม่เนียนเสียทีเดียว
กระนั้นบทภาพยนตร์ที่กระจายไปถึง 5 คนเขียน ทำให้ขาดความลึกในปมตัวละคร และการถกเถียงในทีมยังเบาบางไปหน่อยเมื่อเทียบกับเวอร์ชันการ์ตูน
ความน่ารักแบบครอบครัวบนโลกและในอวกาศ
จุดแข็งที่สุดของหนังคือการพาเรากลับไปสู่ความรู้สึกของการอ่านการ์ตูนเล่มโปรดใต้ร่มไม้ในวันสบาย ๆ ความไร้เดียงสาที่เต็มไปด้วยสีสัน ความประหลาดแต่จริงใจที่แฟนแทสติกโฟร์เคยให้โลกการ์ตูน และบรรยากาศแห่งการผจญภัยที่ใครก็เข้าถึงได้ โดยไม่ต้องไปค้นวิกิพีเดียก่อนเข้าโรง
ก้าวแรกของอนาคต MCU
ท้ายเครดิตยังประกาศชัดว่า ทีมโฟร์จะกลับมาอีกครั้งใน Avengers : Doomsday ทำให้แฟน ๆ มั่นใจได้ว่าการผจญภัยของครอบครัวนี้เพิ่งเริ่มต้น และพวกเขามีพลังมากพอจะยืนหยัดเคียงข้างเหล่าฮีโร่รุ่นน้องทั้งหลายได้อย่างแน่นอน
The Fantastic Four: First Steps จึงไม่ใช่แค่หนังซูเปอร์ฮีโร่ธรรมดา แต่มันคือ จดหมายรักถึงยุคซิลเวอร์เอจของการ์ตูนซูเปอร์ฮีโร่ ที่เต็มไปด้วยความมหัศจรรย์ ความกล้าหาญ และความสนุกสนานแบบครอบครัว ซึ่งเป็นรากฐานของมาร์เวลที่ทุกคนควรได้สัมผัสอีกครั้ง
ติดตาม ข่าวกระแสมาแรง และเรื่องราวในจักรวาลภาพยนตร์ที่คุณไม่ควรพลาดได้ที่ ข่าวการค้นหาที่มาแรงบ้านกีฬา