‘Superman’ Review : เมื่อเจมส์ กันน์ปฏิวัติฮีโร่คนเหล็ก พร้อมคำถามใหญ่ “จะไปต่อหรือพอแค่นี้?”

ดูบอลสด ดูบอลออนไลน์ฟรี 24 ชั่วโมง

สุดสัปดาห์นี้ โรงภาพยนตร์ทั่วโลกเตรียมสั่นสะเทือนอีกครั้งกับ Superman เวอร์ชันใหม่ของ James Gunn ที่มาพร้อมภารกิจสุดทะเยอทะยานในการรีบูตจักรวาล DC และเขย่าวงการหนังซูเปอร์ฮีโร่ที่กำลังอิ่มตัวอย่างหนัก กระแสแรกของหนังเรื่องนี้ปะทุร้อนแรงก่อนใคร เมื่อ Daily Beast ดันแหกกฎด้วยการปล่อยรีวิวเชิงลบก่อนกำหนด พร้อมพาดหัวแรงว่า “Superman คนใหม่คือจุดตายของซูเปอร์ฮีโร่ในโรงหนัง” แม้บทความจะถูกลบทันทีในวันถัดมา แต่ก็ไม่ทันแล้ว เพราะประโยคดังกล่าวกลายเป็นไวรัลทันทีในโลกออนไลน์ และเป็นหัวข้อถกเถียงใหญ่โตในหมู่แฟนคลับและนักวิจารณ์ทั่วโลก

ดราม่าก่อนฉาย: รีวิวลับลวงพรางกับแฟนคลับหัวร้อน

ความเห็นเชิงลบของ Daily Beast วิจารณ์ว่า “หนังเต็มไปด้วย CGI จนไร้ซึ่งน้ำหนักอารมณ์” และมองว่า David Corenswet ผู้สวมบทซูเปอร์แมนคนใหม่นั้นดูจืดชืดเมื่อเทียบกับเงาของ Christopher Reeve และ Henry Cavill โดยเฉพาะเมื่อหนังพยายามยัดตัวละครสมทบมากเกินไปในเวลาเพียงสองชั่วโมง จนเสียโอกาสในการขยายความลึกซึ้งของตัวเอก ทว่าท่ามกลางเสียงด่าของนักวิจารณ์ มีแฟนจำนวนไม่น้อยลุกขึ้นมาปกป้องหนัง บ้างบอกว่า “นี่คือความพยายามบั่นทอนก่อนวันฉาย” และยังชี้ว่าทุกช็อตที่เห็นในตัวอย่างภาพยนตร์นั้นยอดเยี่ยมมาก “โดยเฉพาะฉากคาจูที่สวยโคตรๆ”

การตีความใหม่ของ James Gunn: กลับไปสู่หัวใจแห่งคอมิก

สิ่งที่น่าสนใจคือ James Gunn ไม่พยายามสร้างซูเปอร์แมนให้เป็นเพียงเทพผู้ทรงพลัง แต่เลือกเล่าเรื่องของบุรุษเหล็กในแบบที่คอมิกเคยเป็น คือมีทั้งความเปราะบาง ความสง่างาม และภาระทางอารมณ์ที่ต้องแบก Gunn สอดแทรกอารมณ์ขันแบบแสบๆ และโทนสดใสในสไตล์ Guardians of the Galaxy แต่ก็ไม่ทิ้งสารสำคัญว่า “ฮีโร่คือผู้ที่ไม่ยอมแพ้ต่อความไม่ยุติธรรม แม้จะต้องเลือดตกยางออก” ซึ่งทำให้หนังเรื่องนี้มีมิติและกลิ่นอายของคอมิกดั้งเดิมที่เราคิดถึง

Corenswet ถ่ายทอดซูเปอร์แมนได้อย่างมีชีวิตชีวา มีความสดใหม่ แม้จะยังไม่ถึงขั้นตำนาน แต่ก็ชวนให้เอาใจช่วยในทุกฉาก โดยเฉพาะการปะทะกับ Lex Luthor ในร่าง CEO ฟาสซิสต์แห่ง LutherCorp ที่เล่นโดย Nicholas Hoult ได้อย่างเจ้าเล่ห์และทรงพลัง

ดาราและตัวละครสมทบ: จักรวาลที่ใหญ่กว่าเดิม

หนังเรื่องนี้ยังอัดแน่นไปด้วยตัวละครจากจักรวาล DC ทั้ง Lois Lane (Rachel Brosnahan) นักข่าวสาวแสบคารมคม, Supergirl (Milly Alcock) ที่ปรากฏตัวในฉากสั้นแต่ทรงพลัง, Green Lantern (Nathan Fillion) และ Hawkgirl (Isabela Merced) ที่มาสร้างสีสันในแบบ Justice Gang รวมถึงเล่ห์กลของ Luthor ที่เผยแพร่ภาพโฮโลแกรมบิดเบือน เพื่อให้ผู้คนมอง Superman เป็นทรราชมากกว่าฮีโร่

จุดแข็งและจุดอ่อน: ความเร่งรีบและความลึกซึ้งที่หายไป

ข้อดีคือหนังมีพลังงานล้นทะลัก มีทั้งฉากแอ็กชันมันสะใจ ฉากอารมณ์สะเทือนใจ และฉากประชันฝีปากสุดแสบระหว่างพระ-นาง แต่ข้อเสียก็คือ ด้วยความรีบร้อนในการปูทางไปสู่จักรวาลใหม่ หลายซีนจึงดูเหมือน “ติ๊กเช็กลิสต์” ไปเรื่อยๆ โดยไม่ได้ให้เวลาแก่ตัวละครหลักได้หายใจและพัฒนาเต็มที่เท่าที่ควร และนี่เองคือคำถามสำคัญต่ออนาคตของจักรวาล DC ว่า… ถึงสร้างหนังได้ดีแล้ว ผู้ชมจะยังเหลือพลังศรัทธามาดูต่อหรือไม่?

ความเชื่อมโยงกับโลกจริง: ฮีโร่ ภาษีสหรัฐ และสงครามข้อมูล

ที่น่าสนใจคือ หนังยังสะท้อนภาพโลกจริงของเราได้อย่างแสบสัน โดยเฉพาะการที่ Luthor เป็นซีอีโอจอมบงการที่ครอบงำทั้งรัฐบาลและเศรษฐกิจ ราวกับซูเปอร์มหาเศรษฐีในโลกจริงที่บิดเบือนกฎหมายภาษีสหรัฐเพื่อผลประโยชน์ตัวเอง รวมไปถึงสงครามข้อมูลและการบิดเบือนสื่อ ที่ทำให้ผู้คนเริ่มสงสัยแม้กระทั่งคนที่ควรจะเป็น “ผู้ปกป้อง” หนังแสดงให้เห็นว่า แม้ซูเปอร์แมนจะมีพลังเหนือมนุษย์ แต่เขายังต้องต่อสู้กับระบบอันซับซ้อนในโลกที่เต็มไปด้วยความเทา ไม่ใช่แค่ขาวกับดำ

บทสรุป: Superman ของ Gunn คุ้มค่าที่จะดูหรือไม่?

โดยรวมแล้ว นี่คือ Superman ที่สนุกและสดใหม่พอสมควร แม้จะไม่ได้สมบูรณ์แบบ แต่ก็มีหัวใจ มีชีวิต และมีประเด็นให้ขบคิด นี่คือก้าวแรกที่กล้าหาญของ James Gunn ที่จะพา DC กลับมาโลดแล่นในสนามใหญ่ หากคุณยังรักคอมิก ยังศรัทธาในความหมายของฮีโร่ นี่คือหนังที่คุณไม่ควรพลาด

และหากคุณกำลังสนใจประเด็นร้อนทั้งวงการหนังฮอลลีวูด วงการบันเทิง และข่าวการเมือง เศรษฐกิจ อย่างเช่นกฎหมาย ภาษีสหรัฐ หรือข่าวลือร้อนแรงของซูเปอร์ฮีโร่ ติดตามต่อได้ทุกวันกับ ข่าวการค้นหาที่มาแรงบ้านกีฬา

ตรวจหวย 24 ชั่วโมง หวยลาว หวยฮานอย

แอดไลน์ @Bankeela รับลิ้งดูบอล ทีเด็ด วิเคราะห์บอลจากทางบ้านกีฬา