
ทุเรียนราชาผลไม้ของไทยกำลังเผชิญวิกฤตครั้งใหญ่ที่สุดในรอบหลายปี ไม่ใช่เพียงเพราะ “ทุเรียนอ่อน” ที่ล้นตลาดเท่านั้น แต่ยังถูกคุกคามจาก ขบวนการลักลอบสวมสิทธิจากต่างชาติที่บ่อนทำลายทั้งชื่อเสียงและราคาทุเรียนไทยในตลาดส่งออก โดยเฉพาะในตลาดหลักอย่างจีน ที่เริ่มส่งสัญญาณไม่มั่นใจในคุณภาพสินค้าจากไทย ซึ่งเป็นภัยเงียบที่อาจทำให้ทุเรียนไทยถูกตัดสิทธิ์การส่งออกนานหลายปี
ราคาทุเรียนร่วงเหลือ 90 บาท! ต่ำสุดในรอบ 5 ปี
จากการลงพื้นที่ของผู้สื่อข่าวในภาคตะวันออกพบว่า ราคาทุเรียนหน้าโรงคัดบรรจุ (ล้ง) ลดลงจาก 120-130 บาทต่อกิโลกรัม เหลือเพียง 90-95 บาทต่อกิโลกรัมในวันที่ 21 พฤษภาคม 2568 ซึ่งนับว่าเป็นราคาที่ต่ำที่สุดในรอบ 5 ปี จนบางล้งต้องหยุดรับซื้อ 1-2 วันเพื่อระบายสต็อกชั่วคราว
เหตุผลหลัก? ทุเรียนอ่อนจากสวนไทย + ทุเรียนเวียดนามสวมสิทธิ
แหล่งข่าวในวงการส่งออกเผยว่า ปัญหาใหญ่คือการพบ “ทุเรียนอ่อน” ที่เนื้อยังไม่สุกเต็มที่ แต่ถูกตัดมาขาย ส่งผลให้ตลาดจีนที่เน้นคุณภาพขาดความเชื่อมั่น อีกทั้งยังพบขบวนการนำ ทุเรียนเวียดนาม เข้ามาผสมและรีแพ็คเป็น “ทุเรียนไทย” ก่อนส่งออก ซึ่งสร้างความเสียหายต่อระบบอย่างรุนแรง
ล่าสุดวันที่ 22 พฤษภาคม เจ้าหน้าที่จับกุมทุเรียนเวียดนาม 40 ตัน ที่ถูกขนเข้ามาทางเรือ โดยอ้างว่าจะนำไปแช่แข็งใน จ.ระยอง แต่พบว่าถูกนำไปเก็บที่โกดังเอกชนของชาวจีนโดยไม่มีเอกสารขนย้าย แถมยังตรวจพบอุปกรณ์รีแพ็คครบชุด ทั้งกล่องบรรจุภัณฑ์ สายรัด และเหล็กสไลด์เตรียมแพ็คเพื่อส่งออก
สารเคมีในทุเรียนเวียดนามยังคาใจจีน
ย้อนกลับไปช่วงปลายปี 2567 จีนเริ่มเข้มงวดตรวจหาสารตกค้างในผลไม้ โดยเฉพาะ แคดเมียม และสารย้อมสี BY2 (Basic Yellow 2) ซึ่งพบปะปนในทุเรียนเวียดนามอย่างต่อเนื่อง จนจีนออกมาตรการจำกัดนำเข้า ในขณะที่ทุเรียนไทยเพิ่งได้รับการผ่อนปรนเหลือสุ่มตรวจเพียง 30% ของลอตทั้งหมด จึงน่ากังวลอย่างยิ่งว่าหากทุเรียนเวียดนามที่สวมสิทธิ์ไทยถูกตรวจพบสารตกค้าง จะส่งผลต่อความน่าเชื่อถือของไทยทันที
5 ปัจจัยทุบราคาทุเรียนไทย
สมาคมชาวสวนทุเรียนไทยได้วิเคราะห์และสรุปสาเหตุสำคัญที่ทำให้ราคาทุเรียนตกต่ำในปี 2568 นี้ ได้แก่
- การตัด ทุเรียนอ่อน เพราะเร่งเก็บก่อนกำหนด ส่งผลให้เนื้อไม่เต็มที่
- ฝนตกหนักในช่วงเก็บเกี่ยว ทำให้เนื้อไม่แห้ง ไม่หวาน
- ความเชื่อมั่นผู้บริโภคลดลงจากคุณภาพที่ไม่สม่ำเสมอ
- เศรษฐกิจจีนชะลอตัว ลดกำลังซื้อ
- คู่แข่งส่งออกจากประเทศเพื่อนบ้านเพิ่มปริมาณมากขึ้น
ทุนจีน-แก๊งสวมสิทธิ ผูกขาดตลาดฟอกเงินผ่านผลไม้
ยังมีข้อมูลลึกจากแหล่งข่าวว่า ขบวนการทุนจีนบางกลุ่ม ใช้ “ธุรกิจทุเรียน” เป็นช่องทางฟอกเงิน โดยอาศัยต้นทุนต่ำจากทุเรียนเวียดนามที่ราคาประมาณ 65-75 บาทต่อกิโลกรัม แล้วนำมาสวมสิทธิ์เป็นทุเรียนไทยเพื่อขายต่อในราคาสูงกว่า 120 บาทต่อกิโลกรัม หากทำได้สำเร็จจะได้กำไรมหาศาลหลายเท่าตัว
แนวทางแก้เกม: ห้ามนำเข้าทุเรียนแช่แข็งเวียดนาม!
หลายฝ่ายรวมถึงนักวิชาการและสมาคมชาวสวนเสนอให้รัฐบาลเร่งออกกฎหมาย ห้ามนำเข้าทุเรียนจากเวียดนามในทุกรูปแบบ โดยเฉพาะแบบแช่แข็ง ซึ่งแม้จะแอบอ้างว่าจะนำไปแปรรูป แต่ในความเป็นจริงกลับถูกนำมาสวมสิทธิและส่งออกแบบสดแทน หากปล่อยไว้ไม่เร่งแก้ไข ทุเรียนไทยอาจถูกระงับสิทธิ์ส่งออกทั้งประเทศนานหลายปี
ฟื้นศรัทธา “ทุเรียนไทย” ต้องเริ่มจากคุณภาพ
สิ่งที่ผู้ส่งออกและชาวสวนต้องตระหนักในตอนนี้ คือการ ผลิตทุเรียนคุณภาพสูงตามมาตรฐาน GAP ควบคุมอายุผลผลิตก่อนตัด ร่วมกับภาครัฐในการใช้ระบบตรวจสอบย้อนกลับ เพื่อพิสูจน์แหล่งที่มาให้ชัดเจน พร้อมจัดการกับขบวนการสวมสิทธิ์อย่างเด็ดขาด
ทุเรียนไทย คือศักดิ์ศรีผลไม้ของชาติ หากไม่ปกป้องวันนี้ อนาคตอาจสูญสิ้นตลาดหลักอย่างถาวร
ในช่วงเดือนกรกฎาคมถึงกันยายน ทุเรียนภาคใต้จะทยอยเข้าสู่ตลาด จึงเป็นช่วงสำคัญที่ต้อง “กู้ชื่อเสียงทุเรียนไทย” ให้ทันเวลาก่อนเข้าสู่ฤดูใหม่อย่างเต็มตัว หากชาวสวนร่วมกันรักษามาตรฐาน การส่งออกจะกลับมาแข็งแรงอีกครั้ง
หากคุณเป็นหนึ่งในคนรักทุเรียน อย่าลืมสนับสนุนทุเรียนแท้คุณภาพจากไทย และร่วมผลักดันให้เกิดการตรวจสอบอย่างโปร่งใส เพื่อไม่ให้ขบวนการลวงโลกบ่อนทำลาย “รสชาติและศรัทธา” ที่คนทั่วโลกมีต่อ ทุเรียนไทย
ติดตามข่าวกระแสมาแรงได้ทุกวัน ที่ ข่าวการค้นหาที่มาแรงบ้านกีฬา