
คณะวินัยฯ เปิดประชุมเข้ม
วันที่ 2 กันยายน 2568 คณะกรรมการพิจารณาวินัย มารยาท ฟุตบอลลีกไทย นำโดย นายวัชรินทร์ ภาณุรัตน์ ประธานคณะกรรมการ ได้จัดประชุมครั้งที่ 3 ของฤดูกาล 2568/69 เพื่อตรวจสอบเหตุการณ์ความผิดปกติที่เกิดขึ้นในสัปดาห์ที่ผ่านมา การพิจารณาครั้งนี้ถูกจับตามองอย่างใกล้ชิด เนื่องจากมีทั้งกรณีความล่าช้าและปัญหาด้านความปลอดภัยที่ส่งผลต่อภาพลักษณ์ของการแข่งขัน โดยในที่สุดได้มีการฟันธงบทลงโทษต่อ 3 สโมสรใหญ่ ได้แก่ อยุธยา ยูไนเต็ด, ราชบุรี เอฟซี และ ศรีสะเกษ ยูไนเต็ด
อยุธยา ยูไนเต็ด: มาสนามช้าซ้ำซ้อน
ในเกมที่ อุทัยธานี เอฟซี พบ อยุธยา ยูไนเต็ด วันที่ 29 สิงหาคม 2568 ทีมเยือนสร้างความปั่นป่วนเมื่อมาถึงสนามล่าช้ากว่ากำหนดถึง 46 นาที โดยอ้างว่ารถติดและคนขับไม่ชำนาญเส้นทาง คณะวินัยฯ ยืนยันว่าเป็นการผิดข้อ 3.6 เรื่อง ไม่ปฏิบัติตาม OFFICIAL COUNTDOWN และสั่งลงโทษปรับเงินทันที 20,000 บาท ซึ่งนับเป็นการทำผิดซ้ำครั้งที่สอง ย้ำเตือนว่าทีมระดับอาชีพต้องมีการบริหารจัดการที่รัดกุม ไม่ใช่ปล่อยให้เรื่องพื้นฐานเช่นนี้เกิดขึ้นซ้ำอีก
ราชบุรี เอฟซี: ออกห้องช้าจนเกมเลื่อน
คู่ระหว่าง นครราชสีมา มาสด้า เอฟซี พบ ราชบุรี เอฟซี วันที่ 30 สิงหาคม 2568 ก็มีเหตุการณ์คล้ายกัน เมื่อทีมเยือนออกจากห้องพักนักกีฬาช้ากว่ากำหนด ทำให้การแข่งขันเริ่มล่าช้าไป 1.43 นาที แม้จะเป็นความผิดที่ดูเล็กน้อย แต่ก็ถือว่าผิดกติกาตามข้อ 3.6 เช่นกัน อย่างไรก็ตาม เนื่องจากเป็นการทำผิดครั้งแรก คณะวินัยฯ จึงเลือกลงโทษเพียง ตักเตือนเป็นลายลักษณ์อักษร แต่ก็ถือเป็นสัญญาณเตือนชัดเจนว่าความผิดเช่นนี้จะไม่ถูกมองข้ามอีกต่อไป
ศรีสะเกษ ยูไนเต็ด: เหตุวุ่นช่วงพักครึ่ง
ในแมตช์ ศรีสะเกษ ยูไนเต็ด พบ ขอนแก่น ยูไนเต็ด วันที่ 31 สิงหาคม 2568 กลายเป็นประเด็นร้อนแรงที่สุด เมื่อ ธเนศ เครือรัตน์ ที่ปรึกษาสโมสร มีพฤติกรรมก้าวร้าว ใช้มือตบใส่นักเตะคู่แข่ง แม้จะไม่ถูกตัวเพราะมีคนห้ามทัน แต่คณะวินัยฯ มองว่าเป็นพฤติกรรมที่ร้ายแรง จึงลงโทษสองกระทงเต็มๆ กระทงแรก สั่งแบน ธเนศ ห้ามทำหน้าที่ 2 นัด พร้อมปรับเงิน 20,000 บาท ตามข้อ 2.6 ว่าด้วย กิริยาก้าวร้าว ส่วนกระทงที่สอง สโมสรศรีสะเกษ ยูไนเต็ด ถูกปรับเพิ่มอีก 6,666 บาท โทษฐาน บกพร่องด้านการรักษาความปลอดภัย ตามข้อ 5.3.18 ถือเป็นบทเรียนราคาแพงที่สะท้อนว่าการดูแลความเรียบร้อยของเกมไม่ใช่เรื่องเล็กน้อย
มุมมองต่อมาตรการวินัยในฟุตบอลไทย
การพิจารณาครั้งนี้สะท้อนให้เห็นถึงความเข้มงวดของคณะวินัยฯ ที่ต้องการยกระดับมาตรฐานการแข่งขันในฟุตบอลลีกไทย การเดินทางตรงเวลาและการควบคุมอารมณ์ของบุคลากรไม่ใช่แค่เรื่องมารยาท แต่เป็นปัจจัยที่กระทบต่อคุณภาพเกมและความเชื่อมั่นของแฟนบอล หากสโมสรใดละเลยแม้แต่รายละเอียดเล็กๆ ก็อาจนำไปสู่การลงโทษที่สร้างผลกระทบทั้งต่อชื่อเสียงและงบประมาณของทีม
ข้อคิดสำคัญสำหรับทุกสโมสร
วงการฟุตบอลไทยเคยมีบทเรียนซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่า เรื่องวินัยและความปลอดภัยไม่ใช่เพียงกฎข้อบังคับ แต่เป็นเครื่องมือสร้างความเชื่อมั่นและความยั่งยืนของลีก สโมสรที่มีความเป็นมืออาชีพสูงจะจัดการทุกขั้นตอนอย่างเคร่งครัด ตั้งแต่การเดินทางจนถึงการควบคุมบุคลากรรอบทีม เพื่อป้องกันไม่ให้ปัญหาบานปลาย การลงโทษครั้งนี้จึงไม่ใช่เพียงบทเรียนของ 3 สโมสรที่เกี่ยวข้อง แต่ยังเป็นคำเตือนสำหรับทุกทีมในลีกไทยว่าความประมาทแม้เล็กน้อย ก็อาจนำไปสู่ผลลัพธ์ใหญ่หลวงที่ยากจะแก้ไข
ติดตามทุกความเคลื่อนไหววงการลูกหนังไทย
เหตุการณ์เหล่านี้ตอกย้ำว่าไทยลีกกำลังเดินหน้าเข้าสู่ยุคที่ความเข้มงวดคือมาตรฐานใหม่ สโมสรต่างๆ ต้องปรับตัวและรักษาความเป็นมืออาชีพเพื่อสร้างลีกที่แข็งแกร่งและน่าเชื่อถือมากขึ้น แฟนบอลสามารถมั่นใจได้ว่าการแข่งขันจะดำเนินไปอย่างราบรื่นและโปร่งใสข่าวบอลไทยบ้านกีฬาจะยังคงเกาะติดทุกบทลงโทษ ทุกความเคลื่อนไหว และทุกแมตช์เดือด เพื่อรายงานให้แฟนลูกหนังไทยได้รับรู้ก่อนใคร