
เสียงปรบมือกึกก้องของแฟนบอลยังดังก้องในความทรงจำ หลังจาก “แชมป์” ศิวลักษณ์ เทศสูงเนิน นายด่านมากประสบการณ์ของ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ในวัย 41 ปี ประกาศแขวนถุงมืออย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 14 กรกฎาคม 2568 ปิดฉากเส้นทางลูกหนังระดับตำนานยาวนานกว่า 14 ปีที่ฝากฝีมือไว้กับทั้งสโมสรและทีมชาติไทย พร้อมหอบเกียรติยศติดตัวแบบล้นตู้ แชมป์ไทยลีกถึง 9 สมัย และผลงานในนามทีมชาติที่น่าภาคภูมิใจ บ้านกีฬา ขอยกย่องการอำลาที่เต็มไปด้วยเกียรติและศักดิ์ศรีของชายผู้นี้
การประกาศรีไทร์ของศิวลักษณ์ถูกถ่ายทอดผ่านคลิปสุดซึ้งที่ สโมสรบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ปล่อยทางช่องทางออนไลน์อย่างเป็นทางการ สะเทือนใจแฟนบอลทั่วประเทศด้วยภาพแห่งความทรงจำและคำอำลาจากเพื่อนร่วมทีม นักเตะรุ่นน้อง และบุคลากรในวงการฟุตบอลไทยที่ต่างส่งข้อความให้กำลังใจและชื่นชมในความทุ่มเทของเขาตลอดระยะเวลาเกือบครึ่งชีวิตที่อุทิศให้วงการลูกหนังไทย
เส้นทางของ ศิวลักษณ์ เทศสูงเนิน เริ่มต้นบนถนนสายฟุตบอลอาชีพกับ ธนาคารกรุงเทพ ก่อนขยับไปสร้างชื่อกับ บีอีซี เทโรศาสน (โปลิศ เทโร) และต่อด้วยการป้องกันเสาให้กับ ทีโอที ก่อนจะมาปักหลักสร้างตำนานในถิ่น ช้างอารีน่า กับ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ที่เขากลายเป็นหนึ่งในขุนพลหลักผู้สร้างความยิ่งใหญ่ให้สโมสรครองความเป็นเจ้าไทยลีกหลายปีติดต่อกัน
ตลอดเส้นทางกว่า 14 ปี เขาไม่เพียงแค่เป็นผู้รักษาประตูที่เหนียวแน่นคงเส้นคงวาที่สุดคนหนึ่งของลีกสูงสุดไทยเท่านั้น แต่ยังแสดงบทบาทความเป็นผู้นำในสนามและห้องแต่งตัวจนได้รับความนับถือจากทุกคนรอบตัว ความมุ่งมั่น ความอดทน และหัวใจนักสู้ของเขาเป็นแรงบันดาลใจให้คนรุ่นหลังเสมอ
สำหรับเกียรติยศที่ศิวลักษณ์กวาดมาได้ตลอดอาชีพนั้นมากมายเกินกว่าที่ใครจะฝันถึง
- แชมป์ไทยลีก 9 สมัย
- แชมป์เอฟเอ คัพ 6 สมัย
- แชมป์ลีกคัพ 7 สมัย
- แชมป์ซีเกมส์ 1 สมัย กับทีมชาติไทย
- แชมป์เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ 1 สมัย
ทั้งหมดนี้คือบทพิสูจน์ว่าศิวลักษณ์ไม่เพียงแค่เป็นนายประตูที่ดีที่สุดคนหนึ่งในประวัติศาสตร์ไทยลีก แต่ยังเป็นหนึ่งในนักเตะไทยที่คว้าความสำเร็จสูงสุดในยุคของเขา บ้านกีฬา ขอกล่าวคำขอบคุณและยกย่อง “แชมป์” ศิวลักษณ์ เทศสูงเนิน ที่ทุ่มเทหยาดเหงื่อและหัวใจให้แฟนบอลได้ภูมิใจและจดจำไปอีกนาน
ติดตามข่าววงการลูกหนังไทยและความเคลื่อนไหวของเหล่าตำนานได้ตลอดที่ ข่าวบอลไทยบ้านกีฬา