
แม้จะต้องพบกับความผิดหวังอีกครั้ง แต่ แพร่ ยูไนเต็ด ทีมแกร่งจากศึกเมืองไทยลีก ยังคงยืนยันหนักแน่นว่า “เป้าหมายไม่เปลี่ยน” โดยเฉพาะจากคำยืนยันของ ชนกนันท์ ศุภศิริ ผู้บริหารหญิงแห่งทัพ “ม้าคะนองศึก” ที่ออกมาแสดงจุดยืนชัดเจนว่าทีมจะเดินหน้าสู้ต่อในฤดูกาลหน้า เพื่อเป้าหมายสูงสุดคือการ เลื่อนชั้นสู่ไทยลีก ให้ได้
ในศึก เมืองไทยลีก 2024-25 รอบเพลย์ออฟนัดชี้ชะตาเลกสอง เมื่อวันอาทิตย์ที่ 25 พฤษภาคมที่ผ่านมา แพร่ ยูไนเต็ด เปิดสนามเหย้าต้อนรับการมาเยือนของ พลังกาญจน์ เอฟซี ท่ามกลางความคาดหวังจากแฟนบอลที่หวังจะเห็นทีมรักทะยานขึ้นสู่เวทีไทยลีก
แม้เกมในบ้านของแพร่จะจบลงด้วยผลเสมอ 2-2 และนักเตะสู้กันอย่างสุดหัวใจ แต่นั่นยังไม่เพียงพอ เพราะผลรวมสองนัดปรากฏว่า พลังกาญจน์ เอฟซี เป็นฝ่ายได้เปรียบด้วยกฎเฮดทูเฮด จากเกมแรกที่เปิดบ้านเฉือนชนะไป 3-2 ส่งผลให้พวกเขาได้ ตั๋วใบสุดท้ายในการเลื่อนชั้นสู่ไทยลีก 2025-26 ไปครองอย่างเจ็บแสบสำหรับแฟนบอลแพร่
แพร่ ยูไนเต็ด จึงพลาดการเลื่อนชั้นในรอบเพลย์ออฟเป็นครั้งที่ 3 ติดต่อกัน ซึ่งถือเป็นความเสียใจที่ฝังลึก แต่ก็ไม่ได้ทำให้ความมุ่งมั่นของสโมสรลดน้อยลงเลยแม้แต่น้อย
หลังจบเกม ชนกนันท์ ศุภศิริ ได้โพสต์ข้อความผ่านโซเชียลอย่างหนักแน่น เพื่อขอบคุณแฟนบอลและทุกคนที่ร่วมต่อสู้อย่างเต็มที่ในฤดูกาลนี้ พร้อมทิ้งท้ายว่า “ปีหน้าเอาใหม่” ซึ่งสื่อให้เห็นถึงหัวใจนักสู้ของทีมบริหารและนักเตะที่ไม่มีวันถอดใจ
แม้จะเป็นอีกหนึ่งฤดูกาลที่ต้องอยู่ต่อในลีกพระรอง แต่แพร่ ยูไนเต็ด ได้แสดงให้เห็นถึงความเป็นมืออาชีพทั้งในและนอกสนาม การจัดการทีมที่ชัดเจน รวมถึงแนวทางการสร้างทีมอย่างต่อเนื่อง ทำให้แฟนบอลยังคงเชื่อมั่นในอนาคตของสโมสร
สำหรับ 3 ทีมที่สามารถ เลื่อนชั้นสู่ไทยลีก 2025-26 ได้สำเร็จจากเมืองไทยลีก 2024-25 ได้แก่
- ชลบุรี เอฟซี – คว้าแชมป์เมืองไทยลีกไปครองอย่างสมศักดิ์ศรี
- อยุธยา ยูไนเต็ด – ทีมรองแชมป์ที่ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมตลอดฤดูกาล
- พลังกาญจน์ เอฟซี – ชนะในรอบเพลย์ออฟ ด้วยสกอร์รวมเหนือกว่าแพร่ ยูไนเต็ด
แม้ความฝันของแพร่ ยูไนเต็ด จะต้องรออีกปี แต่สปิริตและพลังใจจากแฟนบอลในจังหวัดยังคงล้นหลาม และไม่มีใครสงสัยว่าทีมนี้จะกลับมาแข็งแกร่งกว่าเดิมอย่างแน่นอน
ติดตามทุกข่าวสารวงการฟุตบอลไทยแบบเข้มข้นได้ที่ ข่าวบอลไทยบ้านกีฬา