
ความเดือดใน กัลโช่ เซเรีย อา ทะยานสู่จุดพีค เมื่อศึกแย่งแชมป์กำลังระอุถึงนัดสุดท้าย แต่กลับเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน เมื่อสองกุนซือคนสำคัญอย่าง อันโตนิโอ คอนเต้ แห่ง นาโปลี และ ซิโมเน่ อินซากี้ นายใหญ่ อินเตอร์ มิลาน ต่างถูกลงโทษ ห้ามคุมทีมข้างสนาม ในแมตช์ตัดสินชะตาแชมป์ หลังทั้งคู่โดนใบแดงไล่ออกในเกมสุดดราม่านัดรองสุดท้ายของฤดูกาล
สถานการณ์ลุ้นแชมป์ของสองยักษ์ใหญ่นั้นเข้มข้นถึงขีดสุด โดยก่อนลงสนามนัดที่ 37 เมื่อวันอาทิตย์ที่ 18 พฤษภาคมที่ผ่านมา นาโปลี นำจ่าฝูงด้วย 78 คะแนน ตามติดด้วย อินเตอร์ ที่มี 77 แต้ม ซึ่งผลการแข่งขันในเกมดังกล่าวทำให้สถานการณ์ยังเปิดกว้าง โดยนาโปลีทำได้เพียงบุกไปเสมอ ปาร์ม่า 0-0 เก็บเพิ่มเป็น 79 แต้ม ขณะที่อินเตอร์เปิดบ้านเสมอ ลาซิโอ 2-2 จากลูกจุดโทษในช่วงนาทีสุดท้ายของเกม ทำให้พวกเขาตามมาเหลือแต้มเดียวที่ 78 คะแนน
อย่างไรก็ตาม จุดเปลี่ยนที่สั่นสะเทือนขวัญกำลังใจเกิดขึ้นเมื่อ คอนเต้ และ อินซากี้ ต่างถูกไล่ออกจากสนามในเกมเดียวกัน โดยฝั่งของคอนเต้ มีจังหวะปะทะคารมกับผู้เล่นของปาร์ม่าบริเวณซุ้มม้านั่งสำรอง ทำให้ผู้ตัดสินตัดสินใจแจกใบแดงทันที ขณะที่อินซากี้ไปปะทะคารมกับ มาร์โก้ บาโรนี่ กุนซือลาซิโอ จากเหตุการณ์ที่อีกฝ่ายฟ้องจุดโทษช่วงท้ายเกม ก่อนที่ลาซิโอจะได้ยิงและตีเสมอจนทำให้อินเตอร์หลุดชัยชนะอย่างน่าเจ็บใจ
ความเดือดพุ่งถึงจุดเดือดหลังเกม อินเตอร์แสดงความไม่พอใจต่อคำตัดสินอย่างชัดเจน ถึงขั้นไม่ส่งตัวแทนเข้าร่วมงานแถลงข่าวหลังจบแมตช์ ขณะที่ฝั่งนาโปลีก็ไม่ต่างกัน คอนเต้ออกมาเปิดใจแบบตรงไปตรงมาว่า “มันน่าหงุดหงิดมากจริงๆ คุณทำงานอย่างหนักทั้งฤดูกาลเพื่อให้ได้มีส่วนร่วมในเกมระดับนี้ แต่น่าเสียดายที่ผมจะไม่สามารถอยู่ข้างสนามในนัดสุดท้ายได้ อย่างไรก็ตาม ผมเชื่อมั่นในสตาฟฟ์ของผม นักเตะของผม และเหนือสิ่งอื่นใดคือเชื่อใจแฟนบอลที่ สตาดิโอ ดีเอโก้ อาร์มันโด้ มาราโดน่า ที่จะสร้างบรรยากาศให้ทีมทะยานสู่ชัยชนะ”
โดยนัดปิดฉากซีซั่นซึ่งจะระเบิดความมันในวันอาทิตย์ที่ 25 พฤษภาคมนี้ นาโปลี จะได้เล่นในบ้านเจอกับ กายารี่ ทีมอันดับ 14 ที่ไม่มีลุ้นอะไรแล้ว แต่ก็น่าจะไม่ยอมง่ายๆเพื่อปิดฤดูกาลด้วยผลงานดีที่สุด ส่วน อินเตอร์ มิลาน ต้องออกไปเยือน โคโม่ ทีมอันดับ 10 ซึ่งก็ไม่มีแรงจูงใจเรื่องพื้นที่ยุโรปหรือหนีตกชั้น แต่ยังมีศักดิ์ศรีที่ต้องรักษาไว้ต่อหน้าแฟนบอลของตัวเอง
ศึกนี้จึงไม่ใช่แค่การดวลกันของนักเตะ แต่ยังสะท้อนถึง พลังของทีมเวิร์ก และความเข้มแข็งของระบบโค้ชที่ต้องทำงานแทนผู้นำในวันที่ไร้เงากุนซือข้างสนาม การชิงแชมป์เซเรีย อาครั้งนี้จึงยิ่งน่าติดตามเข้าไปอีก และไม่แน่ว่าผลการแข่งขันเพียงเสี้ยวนาทีอาจเปลี่ยนหน้าประวัติศาสตร์ได้อย่างสิ้นเชิง
ติดตามข่าวดราม่าลูกหนังอิตาลีแบบเข้มข้นต่อเนื่องได้ที่ ข่าวกีฬาฟุตบอลบ้านกีฬา