เชส ฟาเบรกาส กุนซือของ โคโม่ ออกโรงแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับปัญหาการตัดสินในวงการฟุตบอล โดยระบุชัดเจนว่าต้นตอของปัญหาไม่ได้อยู่ที่ผู้ตัดสินในสนาม แต่เป็น VAR (Video Assistant Referee) ที่มีบทบาทสำคัญในการเปลี่ยนแปลงการตัดสิน และนำไปสู่ความไม่สม่ำเสมอของมาตรฐานฟุตบอลในปัจจุบัน
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา VAR กลายเป็นเครื่องมือที่ถูกใช้งานเพื่อช่วยให้การตัดสินมีความแม่นยำมากขึ้น ทว่ากลับกลายเป็นประเด็นถกเถียงอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากมีหลายกรณีที่การตีความของ VAR ส่งผลให้เกิดการตัดสินที่ค้านสายตา และกลายเป็นข้อครหาว่าการใช้ VAR นั้นทำให้ฟุตบอลมีความยุ่งยากมากขึ้นกว่าเดิม
ฟาเบรกาส ชี้ VAR เป็นต้นเหตุของปัญหาการตัดสิน
ฟาเบรกาส ซึ่งปัจจุบันเป็นเฮดโค้ชของ โคโม่ สโมสรในศึก กัลโช่ เซเรีย อา อิตาลี ได้ออกมาแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้อย่างชัดเจน โดยเขาเน้นย้ำว่า แม้จะเห็นใจผู้ตัดสินที่ต้องทำหน้าที่ภายใต้ความกดดันมหาศาล แต่ปัญหาสำคัญที่แท้จริงคือระบบ VAR ที่สร้างความคลุมเครือและความไม่แน่นอนในการตัดสินแต่ละครั้ง
“ที่จริงแล้วผมพยายามหลีกเลี่ยงการพูดถึงผู้ตัดสินให้มากที่สุด ผมเคารพในงานของพวกเขาและเข้าใจดีว่ามันเป็นหน้าที่ที่ยากลำบากมากแค่ไหน” ฟาเบรกาส กล่าว
“แต่สิ่งที่ทำให้ผมต้องออกมาพูดในวันนี้ก็คือ เราเจอการตัดสินที่ไม่เป็นธรรมมาแล้วอย่างน้อย 5 นัดติดต่อกัน ซึ่งมันไม่ใช่เรื่องบังเอิญอีกต่อไป มันกลายเป็นปัญหาที่ต้องถูกหยิบยกขึ้นมาพูดถึง”
การออกมาแสดงความไม่พอใจของ ฟาเบรกาส ครั้งนี้ ไม่ใช่เพราะอารมณ์ชั่ววูบ แต่เป็นเพราะเขารู้สึกว่าการตัดสินที่ผิดพลาดซ้ำแล้วซ้ำเล่า เริ่มส่งผลกระทบต่อทีมของเขา และอาจลามไปถึงมาตรฐานโดยรวมของลีก
การตีความ VAR ที่ไม่สม่ำเสมอคือปัญหาสำคัญ
หนึ่งในประเด็นที่ ฟาเบรกาส เน้นย้ำคือ ความไม่สม่ำเสมอในการตีความของ VAR ซึ่งทำให้เกิดการตัดสินที่แตกต่างกันในสถานการณ์ที่คล้ายคลึงกัน
“ผมคิดว่าปัญหามันไม่ได้อยู่ที่ผู้ตัดสินในสนาม แต่เป็นเรื่องของ VAR ที่เข้ามามีอิทธิพลในการตัดสินมากเกินไป”
“มีหลายจังหวะที่สถานการณ์แทบจะเหมือนกัน แต่กลับถูกตีความแตกต่างกันไปในแต่ละเกม ทำให้ความยุติธรรมของการแข่งขันถูกตั้งคำถาม ผมคุยกับโค้ชหลายคนหลังจบเกม และเราทุกคนต่างมีมุมมองไปในทิศทางเดียวกัน นั่นคือ VAR กำลังสร้างปัญหามากกว่าการแก้ปัญหา”
แม้ VAR จะถูกนำมาใช้เพื่อช่วยให้การตัดสินมีความแม่นยำ แต่หากการตีความของกรรมการที่รับผิดชอบ VAR ยังคงมีความไม่แน่นอนและไม่เป็นมาตรฐานเดียวกัน ก็นับเป็นเรื่องที่น่ากังวลว่า ระบบนี้จะช่วยให้ฟุตบอลดีขึ้นได้จริงหรือไม่
เสียงวิจารณ์จากวงการฟุตบอลที่ดังขึ้นเรื่อย ๆ
ไม่ใช่เพียงแค่ เชส ฟาเบรกาส เท่านั้นที่ออกมาวิจารณ์ระบบ VAR แต่ตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา มีทั้งผู้จัดการทีม นักเตะ และแฟนบอลจำนวนมากที่ออกมาแสดงความไม่พอใจกับการตัดสินที่เกิดจาก VAR
หนึ่งในกรณีที่ถูกพูดถึงมากที่สุดคือ การใช้ VAR เพื่อตรวจสอบจังหวะล้ำหน้าแบบละเอียดจนเกินไป โดยมีบางจังหวะที่นักเตะถูกจับล้ำหน้าจากการที่ส่วนหนึ่งของร่างกายล้ำไปเพียงไม่กี่มิลลิเมตร ซึ่งส่งผลให้ประตูที่ดูเหมือนจะเป็นประตูที่ขาวสะอาดต้องถูกยกเลิกไป
ฟาเบรกาส เองเชื่อว่าฟุตบอลควรมีความต่อเนื่อง และไม่ควรให้เทคโนโลยีเข้ามาทำลายจังหวะของเกมมากเกินไป
“ฟุตบอลคือเกมที่มีจังหวะเร็ว มีอารมณ์ร่วม มีจังหวะพลิกผันที่สร้างความเร้าใจให้กับแฟนบอล แต่ถ้าเราใช้ VAR มากเกินไป มันจะทำลายเสน่ห์ของเกมไปหมด”
VAR ควรอยู่หรือควรปรับปรุง?
คำถามสำคัญที่เกิดขึ้นจากประเด็นนี้คือ VAR ควรถูกนำออกจากวงการฟุตบอลหรือไม่? หรือควรมีการปรับปรุงให้มีมาตรฐานที่ชัดเจนขึ้น?
ในมุมมองของ ฟาเบรกาส เขาไม่ได้ต้องการให้ VAR หายไปจากวงการฟุตบอลโดยสิ้นเชิง แต่เขาต้องการเห็นการใช้งานที่เป็นธรรมและมีมาตรฐานเดียวกันมากกว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน
“ผมไม่ได้บอกว่า VAR ควรหายไป แต่ถ้าเราจะใช้มันจริง ๆ มันต้องมีความชัดเจน และต้องใช้ในลักษณะที่ช่วยแก้ปัญหามากกว่าทำให้เกิดปัญหาใหม่”
บทสรุป : เสียงจากคนในวงการที่ต้องการความเปลี่ยนแปลง
เสียงของ เชส ฟาเบรกาส อาจเป็นเพียงหนึ่งในเสียงของคนในวงการฟุตบอลที่ออกมาสะท้อนปัญหาของ VAR แต่จากสิ่งที่เกิดขึ้นตลอดหลายปีที่ผ่านมา คำถามที่ใหญ่ที่สุดก็คือ VAR กำลังช่วยทำให้ฟุตบอลมีความยุติธรรมมากขึ้นจริง หรือกลับเป็นตัวสร้างปัญหาใหม่กันแน่?
สิ่งที่ชัดเจนคือ ถึงเวลาที่ฝ่ายจัดการแข่งขันและสมาคมฟุตบอลต่าง ๆ ต้องพิจารณาแนวทางการใช้ VAR อย่างจริงจัง ไม่เช่นนั้นปัญหาการตัดสินที่คลุมเครือและข้อกังขาจะยังคงเป็นปัญหาที่ไม่จบสิ้น
ติดตามข่าวบอลนอกอัพเดทก่อนใครที่ ข่าวกีฬาฟุตบอลบ้านกีฬา
