
เออร์ลิง ฮาลันด์ เครื่องจักรถล่มตาข่ายของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ กลายเป็นชื่อที่แฟนบอลทั้งโลกต้องจับตาอีกครั้ง หลังโชว์ฟอร์มร้อนแรงแบบไม่แผ่ว ด้วยการซัดไปแล้ว 21 ประตูจาก 12 เกม รวมทุกรายการตั้งแต่เปิดฤดูกาล 2025/26 ล่าสุดเจ้าตัวตอกย้ำความโหดด้วยการกดแฮตทริกช่วยทีมชาติ นอร์เวย์ เปิดบ้านไล่ถล่ม อิสราเอล 5-0 ในศึก ฟุตบอลโลก 2026 รอบคัดเลือก โซนยุโรป กลุ่ม ไอ เมื่อคืนวันที่ 11 ตุลาคมที่ผ่านมา
ยิงทุกนัดไม่เว้นแม้แต่เกมทีมชาติ
ตั้งแต่เปิดซีซั่นมา ฮาลันด์มีเพียงแค่นัดเดียวเท่านั้นที่ไม่สามารถทำประตูได้ ที่เหลืออีก 11 นัดเขายิงเรียบไม่เว้นวันพัก ความโหดของเจ้าตัวอยู่ที่ 10 นัดหลังสุดยิงได้ทุกนัด และหลายเกมยังยิงเป็นกอบเป็นกำแบบคนละเรื่องกับกองหน้าทั่วไป กลายเป็นสถิติที่ทำให้บรรดาแนวรับต้องหวาดผวาเมื่อเห็นชื่อ “ฮาลันด์” อยู่บนใบรายชื่อผู้เล่น
สถิติการยิงประตูสุดร้อนแรงของฮาลันด์ฤดูกาล 2025/26
- ⚽⚽ vs วูล์ฟแฮมป์ตัน
- vs สเปอร์ส (พลาดเกมเดียวที่ไม่ยิง)
- ⚽ vs ไบรท์ตัน
- ⚽ vs ฟินแลนด์
- ⚽⚽⚽⚽⚽🅰️🅰️ vs มอลโดวา
- ⚽⚽ vs แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
- ⚽ vs นาโปลี
- ⚽ vs อาร์เซน่อล
- ⚽⚽🅰️ vs เบิร์นลีย์
- ⚽⚽ vs โมนาโก
- ⚽ vs เบรนท์ฟอร์ด
- ⚽⚽⚽ vs อิสราเอล
สถิติรวมที่บ่งบอกความเป็น “เครื่องจักรสังหาร”
ในฤดูกาลนี้ ฮาลันด์ลงสนามให้ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ และทีมชาติ นอร์เวย์ รวมแล้ว 12 นัด ซัดไปทั้งหมด 21 ประตู พร้อมทำอีก 3 แอสซิสต์ ตัวเลขเหล่านี้สะท้อนให้เห็นว่าเจ้าตัวยังคงรักษามาตรฐานความคมและความโหดแบบเดิมได้อย่างน่าทึ่ง การยิงได้ทุกสภาพสนาม ทุกเวที และทุกทีมที่ขวางหน้า ทำให้เขายังคงเป็นศูนย์หน้าที่อันตรายที่สุดในโลกคนหนึ่งแบบไม่มีข้อโต้แย้ง
คีย์สำคัญของความสำเร็จ: ความนิ่ง + การจบสกอร์เฉียบขาด
จุดแข็งของฮาลันด์ไม่ใช่เพียงความเร็วและพละกำลังเท่านั้น แต่คือการ “จบสกอร์แบบไม่พลาด” เขารู้ว่าต้องอยู่ตรงไหนและเมื่อไรถึงจะส่งบอลเข้าตาข่ายได้ และสิ่งนี้คือความแตกต่างที่ทำให้เขายิงประตูได้ต่อเนื่องอย่างไม่น่าเชื่อ ในระบบการเล่นของเป๊ป กวาร์ดิโอล่า ที่เปิดพื้นที่และป้อนบอลให้เขาแบบต่อเนื่อง ฮาลันด์จึงกลายเป็นอาวุธเด็ดของ เรือใบสีฟ้า ที่ยากจะหยุดยั้ง
ฮาลันด์ในเวทียุโรป และการไล่ล่าประวัติศาสตร์
ด้วยอายุเพียง 25 ปี แต่สถิติการยิงประตูของฮาลันด์พุ่งขึ้นอย่างรวดเร็วแบบไม่เคยชะลอ ทำให้หลายฝ่ายเชื่อว่าเจ้าตัวมีโอกาสทำลายสถิติการยิงประตูสูงสุดของพรีเมียร์ลีกและยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก ได้ภายในไม่กี่ปีข้างหน้า หากรักษาร่างกายและฟอร์มการเล่นแบบนี้ต่อไป ฮาลันด์อาจก้าวขึ้นไปอยู่ในระดับเดียวกับสุดยอดตำนานกองหน้าอย่าง ลิโอเนล เมสซี่ และ คริสเตียโน โรนัลโด ในประวัติศาสตร์ลูกหนัง
บทเรียนจากความสำเร็จที่ไม่ใช่แค่ตัวเลข
สิ่งที่แฟนบอลควรเรียนรู้จากเส้นทางของฮาลันด์คือ ความสม่ำเสมอและความมุ่งมั่นในการพัฒนา ตัวเลข 21 ประตูจาก 12 นัดไม่ได้เกิดขึ้นโดยบังเอิญ แต่เกิดจากการซ้อมหนักและการรักษาความฟิตอย่างเข้มข้น นี่จึงเป็นเหตุผลที่ทำให้เขายังคงเป็นศูนย์หน้าที่หลายสโมสรทั่วโลกต้องการตัว และเป็นแรงบันดาลใจให้กองหน้ารุ่นใหม่ทั่วโลก
ไม่ว่าซีซั่นนี้เขาจะจบด้วยจำนวนประตูเท่าไร สิ่งหนึ่งที่แน่นอนคือชื่อของ เออร์ลิง ฮาลันด์ จะยังคงถูกพูดถึงในฐานะ “กองหน้าฆ่าไม่ตาย” และเป็นความหวังสูงสุดของทั้งแมนเชสเตอร์ ซิตี้ และทีมชาตินอร์เวย์อย่างไม่ต้องสงสัย แฟนบอลทั่วโลกคงต้องลุ้นกันต่อว่าเขาจะทำลายสถิติใดเป็นรายต่อไป
ติดตามความเคลื่อนไหวของนักเตะฟอร์มแรงแบบนี้ และข่าวฟุตบอลเดือด ๆ ได้ที่ ข่าวกีฬาฟุตบอลบ้านกีฬา