
เสียงวิจารณ์จากตำนานสโมสร
ดราม่าปลอกแขนกัปตันทีม อาร์เซน่อล ถูกจุดขึ้นอีกครั้ง เมื่อ โทนี่ อดัมส์ ตำนานกองหลังผู้เคยพาทีมคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก 2 สมัย ออกมาฟันธงว่าทีมรักของเขาไม่มีวันได้แชมป์ลีก หากยังมี มาร์ติน โอเดการ์ด เป็นกัปตัน พร้อมยกย่องว่า เดแคลน ไรซ์ คือคนที่เหมาะสมกว่าทั้งด้านบารมีและคาแรกเตอร์ในสนาม คำพูดนี้กลายเป็นชนวนที่แฟนบอลวิพากษ์วิจารณ์กันสนั่น
เส้นทางการเป็นกัปตันของโอเดการ์ด
โอเดการ์ด เพลย์เมกเกอร์ทีมชาตินอร์เวย์ ได้รับความไว้วางใจให้สวมปลอกแขนกัปตันตั้งแต่ฤดูกาล 2022/2023 โดยการแต่งตั้งครั้งนั้นไม่ได้มาจากการตัดสินใจของ มิเกล อาร์เตต้า เพียงคนเดียว แต่เกิดจากการโหวตของนักเตะทั้งทีมที่เห็นพ้องต้องกันว่ามิดฟิลด์รายนี้คู่ควรกับตำแหน่งผู้นำ แม้จะไม่ได้เป็นคนที่เสียงดังที่สุดในห้องแต่งตัว แต่สไตล์การนำทีมด้วยการกระทำในสนามและความทุ่มเทเต็มร้อยคือเหตุผลที่เพื่อนร่วมทีมเชื่อมั่นในตัวเขา
อย่างไรก็ตาม ในยุคที่โอเดการ์ดสวมปลอกแขน กุนซือชาวสแปนิชยังไม่สามารถพาทีมคว้าแชมป์ลีกสูงสุดได้ โดยผลงานดีที่สุดคือการคว้ารองแชมป์พรีเมียร์ลีกติดต่อกันถึง 3 ฤดูกาล ซึ่งนั่นเองที่ทำให้หลายคนตั้งคำถามถึงความเป็นผู้นำของเขา
คำตอบที่ชัดเจนจากกัปตันนอร์เวย์
เมื่อถูกตั้งข้อสงสัยจากตำนานสโมสร โอเดการ์ดออกโรงตอบโต้แบบตรงไปตรงมา “เราโหวตเลือกตำแหน่งนี้ แต่ท้ายที่สุดแล้วมันเป็นการตัดสินใจของ อาร์เตต้า อยู่ดี สำหรับผมมันเป็นเรื่องดีมากๆ ผมไม่สนใจอะไรทั้งนั้น ทุกคนมีสิทธิ์แสดงความเห็นของพวกเขา และพูดสิ่งที่พวกเขาอยากพูด”
เขายังย้ำหนักแน่นว่า “ผมโอเคกับเรื่องนั้นนะ ผมไม่สามารถใส่ใจกับสิ่งที่ทุกคนพูดได้หรอก มีเรื่องในเชิงบวกและลบมากมายที่พูดกัน แต่ผมจะไม่ปล่อยให้มันมีผลกระทบกับผม นั่นเป็นสิ่งที่ผมคิดมาตลอดอาชีพของผม”
ความหมายของการเป็นกัปตัน
สำหรับโอเดการ์ด ตำแหน่งกัปตันไม่ได้หมายถึงการเป็นคนเสียงดังที่สุด แต่คือการแสดงให้เห็นถึงมาตรฐานการเล่น ความทุ่มเท และความรับผิดชอบที่สูงขึ้น เขาเป็นกองกลางที่มีบทบาทสำคัญทั้งในเกมรุกและการเชื่อมเกม การที่อาร์เตต้าและเพื่อนร่วมทีมเลือกเขา ไม่ใช่เพราะบารมีภายนอก แต่เป็นเพราะความเชื่อมั่นว่ามีความสามารถในการพาทีมเดินไปข้างหน้า
ภาพสะท้อนที่แฟนบอลควรคิดตาม
ในวงการลูกหนัง กัปตันทีมแต่ละยุคมักมีคาแรกเตอร์แตกต่างกัน บางคนโดดเด่นเรื่องบารมี บางคนชูจุดแข็งด้านฝีเท้า และบางคนเน้นความสม่ำเสมอในการทำงานเพื่อทีม เคสของโอเดการ์ดตอกย้ำว่า การเป็นผู้นำไม่จำเป็นต้องเดินตามรอยรุ่นพี่เสมอไป และบทพิสูจน์ครั้งสำคัญคือการพาทีมคว้าแชมป์ในอนาคต ไม่ใช่เพียงคำวิจารณ์จากอดีต
มุ่งหน้าสู่เป้าหมายเดียวกัน
แม้เสียงวิจารณ์จะดังแค่ไหน แต่สิ่งที่โอเดการ์ดยึดมั่นคือการโฟกัสกับผลงานในสนาม เพื่อพิสูจน์ว่าตัวเองคู่ควรกับตำแหน่งผู้นำของอาร์เซน่อลอย่างแท้จริง แฟนบอลปืนใหญ่ทั่วโลกต่างเฝ้ารอวันที่เขาจะพาทีมปลดล็อกคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกอีกครั้ง ซึ่งหากวันนั้นมาถึง คำวิจารณ์จากใครก็คงไม่มีความหมายอีกต่อไป ติดตามทุกประเด็นร้อนและความเคลื่อนไหวฟุตบอลมันส์สะใจได้ที่ ข่าวกีฬาฟุตบอลบ้านกีฬา