
เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ ปราการหลังระดับตำนานของ ลิเวอร์พูล ออกมาเปิดเผยแบบไม่มีกั๊กว่า เขาเคยพูดคุยกับ ฟลอเรียน เวียร์ตซ์ เพลย์เมกเกอร์ดาวรุ่งทีมชาติเยอรมันก่อนเจ้าตัวตัดสินใจย้ายซบ “หงส์แดง” พร้อมยืนยันหนักแน่นว่าในสายตาเขาแล้ว “ไม่มีที่ไหนในโลกฟุตบอลที่จะดีกว่า ลิเวอร์พูล อีกแล้ว”
ดาวเตะทีมชาติเนเธอร์แลนด์วัย 34 ปี ซึ่งกลายเป็นหัวใจสำคัญในแนวรับของ ลิเวอร์พูล นับตั้งแต่ย้ายจาก เซาธ์แฮมป์ตัน มาสวมเสื้อสีแดงในถิ่นแอนฟิลด์เมื่อปี 2018 จนก้าวขึ้นมารับตำแหน่งกัปตันทีมในเวลาต่อมา ยืนยันว่าเขารู้สึกมีความสุข และภูมิใจอย่างที่สุดที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของสโมสรแห่งนี้ พร้อมย้ำว่าที่นี่คือจุดสูงสุดของชีวิตนักฟุตบอลอาชีพ
“ตั้งแต่วันแรกที่ผมเซ็นสัญญากับ ลิเวอร์พูล ผมพูดเลยว่า –ผมไม่คิดว่าจะมีที่ไหนในโลกฟุตบอลที่ดีกว่าที่นี่อีกแล้ว– และจนถึงตอนนี้ ผมก็ยังรู้สึกแบบเดิมไม่เปลี่ยน ฤดูกาลที่แล้วเราทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม และผมเชื่อว่ามันจะยิ่งดีขึ้นไปอีก เพราะทีมนี้ยังเต็มไปด้วยความกระหาย ความมุ่งมั่น และเป้าหมายเดียวกัน”
ฟาน ไดค์ ยังเปิดเผยเพิ่มเติมถึงช่วงเวลาที่ เวียร์ตซ์ กำลังตัดสินใจเกี่ยวกับอนาคตของตัวเอง โดยยืนยันว่าเขาได้มีโอกาสพูดคุยกับดาวรุ่งจาก ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น เล็กน้อย เพื่อแบ่งปันประสบการณ์ตรงจากคนที่ใช้ชีวิตในสีแดงของเมืองเมอร์ซีย์ไซด์
“ตอนที่เวียร์ตซ์เริ่มเปิดเจรจากับสโมสร เขาได้คุยกับนักเตะในทีมบางคน และผมเองก็เป็นหนึ่งในนั้น ผมพูดกับเขาในแบบที่จริงใจที่สุดว่า ที่นี่คือสโมสรที่เหมาะจะสร้างอนาคต ทั้งในด้านฟุตบอลและการเติบโตส่วนตัว ผมเชื่อว่าเขาเองก็สัมผัสได้ และสุดท้ายเขาก็ตัดสินใจเลือกทางเดียวกันกับผม นั่นคือการมาเป็นส่วนหนึ่งของ ลิเวอร์พูล”
เมื่อถูกนักข่าวจี้ถามถึงบทสนทนาลับกับ เวียร์ตซ์ ทางโทรศัพท์ ฟาน ไดค์ หัวเราะเล็กน้อยก่อนตอบว่า “คุณก็อยากรู้ให้ได้สินะ! ใช่ ผมคุยกับเขาจริง และผมพูดไปตรง ๆ ว่า –ลิเวอร์พูล คือสถานที่ที่เหมาะสำหรับนักเตะที่ต้องการประสบความสำเร็จทั้งในชีวิตและในอาชีพ–”
ฟาน ไดค์ ทิ้งท้ายด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความเชื่อมั่นว่า เวียร์ตซ์ จะสามารถสร้างอิมแพ็กต์ได้ทันทีที่ก้าวลงสนามให้หงส์แดง เพราะเขาเป็นนักเตะที่มีพรสวรรค์สูง เต็มไปด้วยพลังบวก และมีทัศนคติที่ยอดเยี่ยม ซึ่งจะช่วยยกระดับเกมรุกของทีมในฤดูกาลใหม่นี้อย่างแน่นอน
การมาของ เวียร์ตซ์ ไม่เพียงแต่เป็นดีลที่น่าตื่นเต้นสำหรับแฟนบอลลิเวอร์พูลเท่านั้น แต่ยังสะท้อนให้เห็นถึงวัฒนธรรมของสโมสรที่นักเตะระดับโลกยังคงเชื่อมั่นและอยากเป็นส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์ที่ยิ่งใหญ่แห่งนี้ต่อไป
ติดตามข่าวด่วนวงการฟุตบอลระดับโลกและเบื้องลึกจากรั้วแอนฟิลด์ได้ที่ ข่าวกีฬาฟุตบอลบ้านกีฬา