จาก : ผลบอลสด พรีเมียร์ลีก 2025 ระหว่าง น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ 0-1 เชลซี วันนี้ 25/5/68 – บ้านกีฬา
เกมส่งท้ายฤดูกาลพรีเมียร์ลีก 2024/25 ที่สนามซิตี้ กราวด์ เชลซีบุกไปเก็บชัยชนะเหนือเจ้าถิ่นน็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ได้แบบหวุดหวิด 1-0 จากลูกโหม่งของเลวี่ โคลวิลล์ในช่วงต้นครึ่งหลัง ส่งผลให้ทีมของเอ็นโซ่ มาเรสก้า จบอันดับ 4 ของตารางได้อย่างงดงาม ส่วนเจ้าถิ่นฟอเรสต์ที่แม้จะสู้เต็มที่ก็จบฤดูกาลด้วยอันดับ 7 บ้านกีฬา พาแฟนบอลติดตาม ผลบอลสด คู่ปิดฉากนี้อย่างใกล้ชิด
เกมในครึ่งแรกถือว่าสูสี เชลซีแม้จะครองบอลน้อยกว่าเล็กน้อย แต่ใช้การกดดันสูงและวางบอลยาวเข้าทำ ขณะที่ฟอเรสต์เล่นเกมรับแบบมีระเบียบ และมีจังหวะโต้กลับที่น่ากลัวจากแอนโธนี่ เอลังกาและคริส วู้ด อย่างไรก็ตามทั้งสองทีมยังหาจังหวะจบสกอร์แบบจะแจ้งไม่มากนัก โดยต่างฝ่ายมีโอกาสยิงตรงกรอบเพียงทีมละ 2 ครั้ง ทำให้จบครึ่งแรกยังเสมอกัน 0-0
เข้าสู่ครึ่งหลัง เชลซีเริ่มเร่งเกมและมาได้ประตูสำคัญในนาทีที่ 50 จากลูกเตะมุมที่ เปโดร เนโต้ เปิดมาเสาสองให้ เลวี่ โคลวิลล์ ขึ้นโขกเสียบเสาอย่างเด็ดขาดให้ทีมเยือนขึ้นนำ 1-0 หลังจากนั้นฟอเรสต์พยายามเปิดเกมบุก แต่ไม่สามารถทะลวงแนวรับเชลซีที่นำโดย โทซิน อดาราบิโอโย และ มาร์ก กูกูเรญ่า ได้ เกมจบลงด้วยชัยชนะของเชลซีที่เด็ดขาดแม้จะครองบอลน้อยกว่า
รายชื่อนักเตะตัวจริงและการเปลี่ยนตัว
น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ (4-3-1-2)
ผู้รักษาประตู: มัทส์ เซลส์
กองหลัง: เนโก้ วิลเลียมส์, มูริโย่, นิโคล่า มิเลนโควิช, โอลา ไอน่า
กองกลาง: เซร์จี้ ดอมิงเกซ, ซานกาเร่, เอลเลียต แอนเดอร์สัน, มอร์แกน กิ๊บส์-ไวท์ (กัปตัน)
กองหน้า: แอนโธนี่ เอลังกา, คริส วู้ด
ตัวสำรองที่ลงสนาม: คัลลัม ฮัดสัน-โอดอย, ไรอัน เยตส์, โชต้า ซิลวา
เชลซี (4-2-3-1)
ผู้รักษาประตู: โรเบิร์ต ซานเชซ
กองหลัง: รีซ เจมส์ (กัปตัน), โทซิน อดาราบิโอโย, เลวี่ โคลวิลล์, มาร์ก กูกูเรญ่า
กองกลาง: มอยเซส ไกเซโด้, เอ็นโซ่ เฟร์นานเดซ
ตัวรุก: เปโดร เนโต้, โคล พาล์เมอร์, จาดอน ซานโช
กองหน้า: นอนนี่ มาดูเอเก้
ตัวสำรองที่ลงสนาม: โรเมโอ ลาเวีย, มาโล กุสโต้, เคียร์แนน ดิวส์บิวรี่-ฮอลล์
วิเคราะห์บอลการรุกและการรับ
ฟอเรสต์ใช้ระบบ 4-3-1-2 โดยเน้นความแข็งแกร่งในแดนกลาง พร้อมกับใช้ความเร็วของเอลังกาและพละกำลังของวู้ดเป็นหัวหอก แม้ครองบอลได้ถึง 52% แต่จังหวะจบสกอร์ยังขาดประสิทธิภาพ และถูกจำกัดพื้นที่ในพื้นที่สุดท้ายอย่างชัดเจน
เชลซีของเอ็นโซ่ มาเรสก้า ใช้แผน 4-2-3-1 โดยใช้จังหวะเปลี่ยนจากรับเป็นรุกเร็วผ่านปีกและแบ็กที่เติมสูง มีไกเซโด้กับเฟร์นานเดซคอยเชื่อมบอลกลางสนาม การเล่นเกมรับของสิงห์บลูส์แข็งแกร่งและจัดระเบียบดี โดยเฉพาะโคลวิลล์และอดาราบิโอโยที่อ่านเกมได้ดีและจัดการเกมรุกของฟอเรสต์ได้หมด เป็นแผนที่สมดุลและมีความแน่นอนสูง สมกับการคว้าชัยในนัดสำคัญนี้อย่างแท้จริง และถือเป็นตัวอย่างของการ วิเคราะห์บอล เชิงแท็คติกที่สมบูรณ์แบบในเกมเยือน
สถิติการแข่งขัน
แม้จะเป็นเกมที่ไม่หวือหวา แต่สถิติบ่งชี้ว่าทั้งสองทีมสู้กันสูสี โดยฟอเรสต์ครองบอลมากกว่าเล็กน้อยที่ 52% และมีจำนวนจ่ายบอล 420 ครั้ง ส่วนเชลซีมีอัตราครองบอล 48% กับการผ่านบอล 409 ครั้ง ความแม่นยำในการจ่ายบอลของเจ้าบ้านอยู่ที่ 83% ขณะที่ทีมเยือนอยู่ที่ 79% การยิงประตูของฟอเรสต์เกิดขึ้น 10 ครั้ง เข้ากรอบ 2 ส่วนเชลซีมีโอกาสยิงเพียง 6 ครั้ง แต่เข้ากรอบ 2 ครั้ง และหนึ่งในนั้นคือประตูชัย ทั้งสองทีมมีจำนวนฟาวล์ใกล้เคียงกัน และได้ใบเหลืองฝั่งละ 2 ใบ ฟอเรสต์ล้ำหน้าถึง 5 ครั้ง ส่วนเชลซีโดนแค่ 1 และลูกเตะมุมเป็นของฟอเรสต์มากถึง 7 ครั้ง เทียบกับเชลซีที่ได้ 4 ครั้ง
เหตุการณ์สำคัญ
⚽ 50′ | เชลซีขึ้นนำ 0-1 จากลูกโขกของ เลวี่ โคลวิลล์ โดย เปโดร เนโต้ เปิดเตะมุม
🟨 56′ | มอยเซส ไกเซโด้ โดนใบเหลืองจากจังหวะฟาวล์
🔁 57′ | ฟอเรสต์เปลี่ยนตัว: คัลลัม ฮัดสัน-โอดอย แทน ซานกาเร่
🔁 62′ | เชลซีเปลี่ยนตัว: โรเมโอ ลาเวีย แทน ซานโช
🔁 68′ | ฟอเรสต์เปลี่ยนตัว: ไรอัน เยตส์ แทน ดอมิงเกซ
🔁 78′ | เชลซีเปลี่ยนตัว: มาโล กุสโต้ แทน เปโดร เนโต้
🟨 79′ | โอลา ไอน่า โดนใบเหลืองจากจังหวะปะทะ
🟨 79′ | โทซิน อดาราบิโอโย โดนใบเหลืองจากเหตุการณ์เดียวกัน
🔁 83′ | ฟอเรสต์เปลี่ยนตัว: โชต้า ซิลวา แทน ไอน่า
🔁 86′ | เชลซีเปลี่ยนตัว: เคียร์แนน ดิวส์บิวรี่-ฮอลล์ แทน มาดูเอเก้
Player of the Match
เลวี่ โคลวิลล์ กองหลังเชลซีคือฮีโร่ของเกมนี้อย่างแท้จริง ด้วยลูกโหม่งที่เฉียบขาดในนาทีที่ 50 กลายเป็นประตูชัยให้กับทีม และนอกจากนั้นเจ้าตัวยังโชว์ฟอร์มเกมรับได้อย่างยอดเยี่ยม ป้องกันลูกโด่งและการจ่ายทะลุช่องของฟอเรสต์ได้หมดจด พร้อมรับคะแนนสูงสุด 7.7 จากเกมนี้อย่างสมศักดิ์ศรี
สถานการณ์ในตารางคะแนน
ชัยชนะนัดนี้ส่งผลให้เชลซีคว้าอันดับ 4 ของตาราง บ้านผลบอล อย่างแน่นอน ด้วย 69 คะแนนจาก 38 นัด พร้อมตีตั๋วไปเล่นยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีกในฤดูกาลหน้า ขณะที่ฟอเรสต์ที่พลาดสามแต้มในบ้าน ต้องจบที่อันดับ 7 อย่างน่าเสียดาย แม้มีแต้มเท่าแอสตัน วิลล่าและนิวคาสเซิ่ลที่ 66 คะแนน แต่ผลต่างประตูได้เสียเป็นรอง
การแข่งขันนัดถัดไป
แฟนสิงห์บลูยังไม่ต้องพักหายใจ เพราะ ตารางบอล ของพวกเขายังไม่จบ เชลซียังมีโปรแกรมสำคัญในศึกยูฟ่า คอนเฟอเรนซ์ ลีก รอบชิงชนะเลิศ ที่จะพบกับ เรอัล เบติส ในวันที่ 29 พฤษภาคมนี้ เวลา 02:00 น. ถือเป็นโอกาสคว้าแชมป์ยุโรปส่งท้ายฤดูกาลของเอ็นโซ่ มาเรสก้าและลูกทีม
ติดตาม บ้านผลบอล ที่ บ้านกีฬา ได้ทุกคู่ ทุกจังหวะ
ใครที่ไม่อยากพลาดทุกข่าวคราวในโลกฟุตบอล ไม่ว่าจะเป็น บ้านผลบอล สด ๆ จากทุกสนาม หรือบทวิเคราะห์ก่อนและหลังเกมแบบเจาะลึก ติดตามได้ที่ บ้านกีฬา ครบจบในที่เดียวเพื่อแฟนบอลตัวจริง!
