
ก่อนศึกสำคัญในรอบ 8 ทีมสุดท้ายของศึก ยูฟ่า ยูโรปา ลีก ระเบิดขึ้น รูเบน อโมริม ผู้จัดการทีมคนใหม่ของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ได้จุดกระแสวิจารณ์ในวงการลูกหนังอีกครั้ง หลังเจ้าตัวให้สัมภาษณ์อย่างมั่นใจว่า การแข่งขันในยูโรปาลีกนั้น “ง่ายกว่าพรีเมียร์ลีกแบบเทียบกันไม่ติด” พร้อมตั้งเป้าพาทีมคว้าแชมป์ยุโรป เพื่อกอบกู้ศักดิ์ศรีของสโมสรในฤดูกาลอันตกต่ำนี้
แมนยู เตรียมเปิดศึกเดือดกับ โอลิมปิก ลียง ทีมแกร่งจากฝรั่งเศสในนัดแรกของรอบก่อนรองชนะเลิศ ยูโรปาลีก คืนวันพฤหัสบดีนี้ โดยที่ฟอร์มของ “ปีศาจแดง” ภายใต้การคุมทัพของ รูเบน อโมริม ยังคงขาดเสถียรภาพอย่างเห็นได้ชัดในศึก พรีเมียร์ลีก ด้วยผลงานชนะแค่ 6 นัดจาก 20 เกม จนทำให้กุนซือชาวโปรตุกีสบอกแบบไม่อ้อมค้อมว่านี่อาจเป็นทีมที่ผลงานเลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์ของสโมสร
แม้จะยังไม่สามารถเรียกศรัทธาในเกมลีกได้ แต่เมื่อมองไปที่ผลงานในถ้วยยุโรป อโมริมพาแมนยูทำสถิติไม่แพ้ใครใน 6 นัดหลังสุด โดยเก็บชัยได้ถึง 5 เกมและเสมอ 1 เกมใน ยูโรปา ลีก ซึ่งนั่นกลายเป็นเครื่องยืนยันว่าเขายังสามารถพาทีมไปให้ถึงจุดสูงสุดในรายการนี้ได้
อโมริมเปิดใจกับสื่อหลังพาทีมเข้ารอบลึกในถ้วยรองของยุโรป โดยระบุว่า “ผมเชื่ออย่างเต็มที่ว่าไม่ใช่เรื่องแท็คติก มันคือความแตกต่างในเรื่องของสปีดเกม พรีเมียร์ลีกคือลีกที่ดีที่สุดในโลก ผมสามารถยืนยันเรื่องนี้ได้เลย จากสถิติที่เรามี ความเข้มข้น ความเร็ว และแรงกดดันของเกมในอังกฤษมันต่างจากยูโรปาลีกแบบสิ้นเชิง”
เขายังกล่าวต่ออีกว่า “เมื่อเล่นในยูโรปาลีก ผมรู้สึกว่าเรามีเวลาในการตัดสินใจมากขึ้น พื้นที่ก็เปิดมากขึ้น มันทำให้ผู้เล่นของเราสามารถโชว์ศักยภาพได้เต็มที่ และนั่นคือเหตุผลที่เราทำผลงานในรายการนี้ได้ดีกว่าชัดเจน”
แม้จะเพิ่งเข้ารับงานแทน เอริก เทน ฮาก เมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา แต่ รูเบน อโมริม ก็ต้องเผชิญความคาดหวังมหาศาลจากแฟนบอลและบอร์ดบริหาร ที่หวังให้เขากอบกู้ทีมกลับมาสู่ความยิ่งใหญ่อีกครั้ง และตอนนี้ ยูโรปาลีกคือโอกาสสุดท้ายในการคว้าแชมป์ซีซั่นนี้ ซึ่งอโมริมยอมรับอย่างตรงไปตรงมาว่า “นี่คือโทรฟี่ที่เหลืออยู่เพียงใบเดียว และเราต้องคว้ามันให้ได้”
“การคว้าแชมป์ยุโรปจะสร้างความมั่นใจให้กับทีม และสร้างรากฐานสำคัญสำหรับฤดูกาลหน้า มันเป็นก้าวแรกที่จะนำเรากลับไปสู่เวที ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ซึ่งมีระดับการแข่งขันที่แตกต่างอย่างชัดเจน” อโมริมกล่าวทิ้งท้ายอย่างหนักแน่น
นี่คือแมตช์สำคัญที่อาจชี้ชะตาทั้งซีซั่นของแมนยู และยังเป็นบทพิสูจน์ที่เด็ดขาดสำหรับอโมริม ว่าเขาคือคนที่ใช่หรือไม่ในการนำ “ปีศาจแดง” คืนสู่บัลลังก์ยุโรปอีกครั้ง ติดตามทุกเกมร้อนแรง ทุกคำสัมภาษณ์ดุดัน และเบื้องหลังจากขอบสนามได้ที่ ข่าวกีฬาฟุตบอลบ้านกีฬา