เอ็นโซ มาเรสก้า กุนซือของ เชลซี ออกอาการหัวเสียอย่างหนัก หลังจากที่ทีมของเขาบุกไปพ่าย ไบรท์ตัน แอนด์ โฮฟ อัลเบี้ยน แบบหมดรูปด้วยสกอร์ 0-3 ในศึก พรีเมียร์ลีก อังกฤษ เมื่อคืนวันศุกร์ที่ 14 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา พร้อมตั้งคำถามถึงฟอร์มการเล่นอันน่าผิดหวัง โดยเฉพาะสถิติสุดช็อกที่ทีมไม่มีโอกาสยิงตรงกรอบเลยแม้แต่ครั้งเดียว
ไบรท์ตัน โชว์ฟอร์มได้อย่างแข็งแกร่ง และใช้จังหวะโจมตีที่เฉียบขาดจัดการลงโทษ เชลซี ได้อย่างไร้ความปรานี โดยเกมนี้เจ้าถิ่นได้ประตูจาก คาโอรุ มิโตมะ ในนาทีที่ 27 ก่อนที่ ยานคูบา มินเตย์ จะซัดคนเดียวสองประตู ในนาทีที่ 38 และ 63 ทำให้ “เดอะ ซีกัลล์ส” คว้าชัยอย่างยิ่งใหญ่ พร้อมขยับจากอันดับ 10 ขึ้นมาอยู่ที่ 8 บนตารางคะแนน พรีเมียร์ลีก มี 37 แต้ม จากการลงแข่ง 25 นัด
ในขณะที่ เชลซี ที่ก่อนหน้านี้รั้งอันดับ 4 ของตาราง ต้องชอกช้ำอย่างหนักกับผลงานนัดนี้ เพราะพวกเขายังคงมี 43 แต้ม เท่าเดิมจาก 25 นัด แถมรูปเกมในสนามยังไร้ซึ่งความอันตราย ไม่สามารถทดสอบแนวรับของเจ้าบ้านได้เลย
หลังจบเกม เอ็นโซ มาเรสก้า ให้สัมภาษณ์ด้วยอารมณ์ผิดหวังอย่างสุดขีด โดยเฉพาะกับฟอร์มที่ย่ำแย่เกินกว่าจะรับได้
“กับผลการแข่งขันแบบนี้ มันเป็นอะไรที่น่าหงุดหงิดสำหรับทุกคน แน่นอนว่าผมรู้สึกเสียใจกับแฟนบอลที่เดินทางมาติดตามเราถึงที่นี่ เราทุกคนต้องยอมรับว่านี่ไม่ใช่ระดับการเล่นที่ เชลซี ควรจะเป็น ด้วยอันดับของเราตอนนี้ และเกมที่เหลือ เราจำเป็นต้องทำให้ดีกว่านี้มากกว่าที่เป็นอยู่”
สิ่งที่ทำให้แฟนบอลและกูรูฟุตบอลต่างพากันวิจารณ์อย่างหนักคือ เชลซี มีโอกาสยิงทั้งหมด 8 ครั้ง แต่ไม่มีแม้แต่ครั้งเดียวที่ตรงกรอบ นี่เป็นสัญญาณที่ชัดเจนว่าทีมมีปัญหาใหญ่ในแนวรุก ซึ่ง มาเรสก้า เองก็ยอมรับว่ามันเป็นปัญหาหลักที่ต้องแก้ไขโดยด่วน
“เราคอนโทรลเกมและครองบอลได้เยอะ แต่ผมพูดไว้ตั้งแต่ก่อนเริ่มเกมแล้วว่า เมื่อคุณไม่มีผู้เล่นเบอร์ 9 (กองหน้าตัวเป้า) คุณจำเป็นต้องหาแนวทางแก้ไขอื่น เราขึ้นเกมมาได้ดี แต่สุดท้ายก็ติดขัดในพื้นที่สุดท้าย ซึ่งมันไม่ใช่แค่เรื่องของการสร้างโอกาสเพียงอย่างเดียว แต่เป็นเรื่องของการจบสกอร์ที่ไร้ความเฉียบขาดด้วย”
“เราไม่สามารถยิงตรงกรอบได้เลย นี่คือปัญหาใหญ่ และหวังว่าเกมนี้จะเป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้เรากลับมาแก้ไขทุกอย่างให้ดีขึ้นได้”
การพ่ายแพ้แบบหมดรูปในนัดนี้ ทำให้เกิดคำถามมากมายเกี่ยวกับแนวทางการทำทีมของ เอ็นโซ มาเรสก้า รวมถึงความพร้อมของผู้เล่นในทีมที่ดูเหมือนจะยังไม่สามารถรับมือกับแท็คติกของกุนซือชาวอิตาเลียนรายนี้ได้อย่างสมบูรณ์แบบ
แม้ เชลซี จะยังคงรั้งอันดับ 4 ของตารางคะแนน แต่หากยังไม่สามารถแก้ไขปัญหาเรื่องแนวรุกได้ พวกเขาอาจต้องลุ้นหนักในการรักษาพื้นที่ท็อปโฟร์และโควตาไปเล่น ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก
แฟนบอลต้องจับตาดูกันต่อไปว่า มาเรสก้า จะสามารถพาทีมพลิกสถานการณ์กลับมาได้หรือไม่ และเกมต่อไปของ เชลซี จะเป็นบททดสอบสำคัญสำหรับทั้งกุนซือและลูกทีมว่าพวกเขาจะสามารถลุกขึ้นจากความพ่ายแพ้ได้เร็วแค่ไหน
ติดตามข่าวบอลนอกอัพเดทก่อนใครที่ ข่าวกีฬาฟุตบอลบ้านกีฬา
