
เด็มเบเล่คว้าบัลลงดอร์พร้อมขึ้นแท่นเบอร์หนึ่ง
อุสมาน เด็มเบเล่ เพิ่งสร้างชื่อในวงการลูกหนังโลกหลังผงาดคว้า บัลลงดอร์ ปี 2025 เหนือกว่า ลามีน ยามาล ดาวรุ่งพุ่งแรงของบาร์เซโลน่า ความสำเร็จครั้งนี้ไม่เพียงทำให้เขากลายเป็นนักเตะเฟรนช์แมนที่ถูกยกย่องในระดับโลก แต่ยังสะท้อนถึงบทบาทสำคัญในฐานะแกนหลักของ ปารีส แซงต์ แชร์กแมง ที่สามารถพาทีมผงาดคว้าทริปเปิ้ลแชมป์ได้สำเร็จ
เปแอสเชทีมเงินถังกับยุคใหม่หลังเอ็มบัปเป้
นับตั้งแต่กลุ่มทุนกาตาร์เข้ามาเทคโอเวอร์ เปแอสเช สโมสรดังแห่งลีกเอิงก็ถูกยกให้เป็นทีมที่พร้อมคว้าซูเปอร์สตาร์มาร่วมทีมได้ทุกเมื่อ และหนึ่งในกลยุทธ์หลักคือการมอบค่าเหนื่อยมหาศาลให้แก่นักเตะ ซึ่งข้อมูลจาก Capology เคยยืนยันว่า ในซีซั่น 2023/24 เปแอสเชคือทีมที่จ่ายค่าแรงนักเตะสูงที่สุดในบรรดาห้าลีกใหญ่ยุโรป เหนือกว่า เรอัล มาดริด, บาเยิร์น มิวนิค, แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และ แมนเชสเตอร์ ซิตี้
แต่ในฤดูกาล 2024/25 ทุกอย่างเปลี่ยนไปเมื่อ คิลิยัน เอ็มบัปเป้ ย้ายไปเล่นให้เรอัล มาดริด ทำให้เปแอสเชลดภาระค่าเหนื่อยได้มหาศาลถึงปีละ 80 ล้านยูโร ทว่าความน่าสนใจคือแม้จะเสียซูเปอร์สตาร์หมายเลขหนึ่ง ทีมกลับประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ด้วยการคว้า ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก สมัยแรกในประวัติศาสตร์ และยังคว้า 3 แชมป์ในซีซั่นเดียว
เด็มเบเล่ขึ้นแท่นค่าแรงสูงสุดทีม
ผลงานระดับโลกของเด็มเบเล่ ส่งผลให้เขาก้าวขึ้นมาเป็นนักเตะที่รับค่าเหนื่อยสูงที่สุดในถิ่น ปาร์ก เดส์ แพร็งซ์ สืบแทนเอ็มบัปเป้ทันที โดยค่าเหนื่อยของเขาถูกจัดอันดับไว้เป็นเบอร์หนึ่งของทีม
- รายสัปดาห์: 298,000 ปอนด์
- รายปี: 15.5 ล้านปอนด์
- สัญญาสิ้นสุดปี 2028
เด็มเบเล่เคยสร้างชื่อกับดอร์ทมุนด์ ก่อนย้ายไปบาร์เซโลน่าด้วยค่าตัว 145 ล้านยูโรในปี 2017 และในที่สุดก็ได้กลับบ้านเกิดในปี 2023 เพื่อก้าวขึ้นมาเป็นสัญลักษณ์ใหม่ของทีมเมืองหลวง
แข้งท็อป 10 ค่าเหนื่อยสูงสุดเปแอสเช
นอกจากเด็มเบเล่แล้ว ทีมเงินถังจากฝรั่งเศสยังมีแข้งระดับโลกอีกหลายรายที่รับค่าเหนื่อยมหาศาล โดยโผ 10 อันดับสูงสุดในปัจจุบันได้แก่
- อุสมาน เด็มเบเล่ – 298,000 ปอนด์/สัปดาห์, 15.5 ล้านปอนด์/ปี (สัญญาถึง 2028)
- ควิชา ควารัตสเคเลีย – 271,000 ปอนด์/สัปดาห์, 14.1 ล้านปอนด์/ปี (สัญญาถึง 2029)
- มาร์กินญอส – 223,000 ปอนด์/สัปดาห์, 11.6 ล้านปอนด์/ปี (สัญญาถึง 2028)
- ลูกาส์ แอร์กน็องเดซ – 218,861 ปอนด์/สัปดาห์, 11.4 ล้านปอนด์/ปี (สัญญาถึง 2028)
4.= อาชราฟ ฮาคิมี่ – 218,861 ปอนด์/สัปดาห์, 11.4 ล้านปอนด์/ปี (สัญญาถึง 2029) - วอร์เร็น ซาอีร์ เอเมรี่ – 189,000 ปอนด์/สัปดาห์, 9.8 ล้านปอนด์/ปี (สัญญาถึง 2029)
- วิตินญ่า – 181,000 ปอนด์/สัปดาห์, 9.4 ล้านปอนด์/ปี (สัญญาถึง 2029)
- นูโน่ เมนเดส – 166,000 ปอนด์/สัปดาห์, 8.6 ล้านปอนด์/ปี (สัญญาถึง 2029)
- แบรดลีย์ บาร์กโกล่า – 109,000 ปอนด์/สัปดาห์, 5.7 ล้านปอนด์/ปี (สัญญาถึง 2028)
- เดซิเร่ ดูเอ้ – 99,000 ปอนด์/สัปดาห์, 5.2 ล้านปอนด์/ปี (สัญญาถึง 2029)
มูลค่าและผลตอบแทนของเปแอสเช
แม้จะจ่ายค่าแรงมหาศาล แต่เปแอสเชก็ได้รับผลตอบแทนเต็มเม็ดเต็มหน่วยจากการลงทุน เพราะนอกจากจะครองความยิ่งใหญ่ในลีกเอิงแล้ว พวกเขายังทำในสิ่งที่ใฝ่ฝันมานานนั่นคือการคว้าแชมป์ยุโรป เด็มเบเล่คือจิ๊กซอว์สำคัญที่พิสูจน์ว่าเงินไม่ได้สูญเปล่า แต่ถูกใช้เพื่อสร้างทีมที่แข็งแกร่งทั้งคุณภาพและชื่อเสียง
บทเรียนจากกรณีเปแอสเช
ตลอดประวัติศาสตร์ฟุตบอล มีหลายทีมที่ใช้เงินจำนวนมหาศาลทุ่มซื้อนักเตะ แต่ไม่ใช่ทุกทีมที่ประสบความสำเร็จเหมือนเปแอสเช กรณีนี้จึงกลายเป็นตัวอย่างให้หลายสโมสรทั่วโลกได้ศึกษา ไม่ว่าจะเป็นการสร้างสมดุลระหว่างค่าเหนื่อยมหาศาลกับการเลือกนักเตะที่เหมาะสม และการบริหารจัดการทีมในระยะยาวเพื่อให้คุ้มค่ากับการลงทุน
สรุปภาพรวม
จากบัลลงดอร์สู่ค่าเหนื่อยเบอร์หนึ่ง อุสมาน เด็มเบเล่ ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าฝีเท้าและวินัยทำให้เขาก้าวขึ้นมาเป็นหัวใจสำคัญของเปแอสเช พร้อมพาทีมก้าวสู่ความยิ่งใหญ่ในยุคหลังเอ็มบัปเป้ และนี่อาจเป็นเพียงจุดเริ่มต้นของความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่กว่านี้
ติดตามทุกความเคลื่อนไหว ข่าวฟุตบอลสุดมันส์ และเรื่องราวในวงการลูกหนังระดับโลกได้ที่ ข่าวกีฬาฟุตบอลบ้านกีฬา