
บาร์เซโลน่า สโมสรยักษ์ใหญ่แห่งเวที ลา ลีกา สเปน ประกาศยืนยันอย่างเป็นทางการถึงการคว้าตัว มาร์คัส แรชฟอร์ด ดาวยิงตัวจี๊ดทีมชาติอังกฤษมาร่วมทีมแบบยืมตัวจาก แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด พร้อมเปิดตัวด้วยเสื้อหมายเลข 14 ซึ่งเป็นหมายเลขในตำนานของ เธียร์รี่ อองรี ฮีโร่ที่เจ้าตัวเคยยกให้เป็นไอดอลในวัยเด็ก โดยดีลนี้มาพร้อมออปชั่นซื้อขาดที่ราคา 30 ล้านยูโร หรือราว 1,140 ล้านบาท
ดีลดังกล่าวได้รับการประกาศเมื่อวันที่ 23 กรกฎาคมที่ผ่านมา นับเป็นข่าวใหญ่ที่สร้างแรงสั่นสะเทือนให้กับวงการลูกหนังยุโรปอย่างไม่ต้องสงสัย เพราะนี่คือการโยกย้ายของนักเตะความเร็วสูงวัย 27 ปี ที่เคยถูกยกย่องให้เป็น “อนาคตของปีศาจแดง” แต่กลับเลือกเริ่มต้นบทใหม่ในถิ่นคัมป์ นู ด้วยสัญญายืมตัว 1 ฤดูกาล ไปจนถึงสิ้นเดือนมิถุนายน ปี 2026
แม้ในแถลงการณ์ของ บาร์ซ่า จะไม่ได้เปิดเผยตัวเลขค่าเหนื่อยและเงื่อนไขการซื้อขาดอย่างเป็นทางการ แต่แหล่งข่าววงในระดับโลก ไม่ว่าจะเป็น ฟาบริซิโอ โรมาโน่ และสื่อยักษ์ใหญ่อย่าง Marca และ AS รายงานตรงกันว่า บาร์เซโลน่าได้บรรลุข้อตกลงเงื่อนไขซื้อขาดแรชฟอร์ดไว้ล่วงหน้าที่มูลค่า 30 ล้านยูโร โดยสโมสรจากแคว้นกาตาลุนญาจะเป็นผู้รับผิดชอบ ค่าเหนื่อยของแรชฟอร์ดทั้งหมด ตลอดช่วงสัญญายืมตัว ซึ่งมีมูลค่ารวมอยู่ที่ประมาณ 14 ล้านยูโร หรือกว่า 532 ล้านบาทเลยทีเดียว
แรชฟอร์ดนั้นถูกมองว่าเป็นจิ๊กซอว์ตัวสำคัญที่ ชาบี เอร์นานเดซ ต้องการมาช่วยเพิ่มมิติในแนวรุกของทีม หลังฤดูกาลที่ผ่านมา บาร์ซ่าประสบปัญหาปืนฝืดในหลายแมตช์สำคัญ โดยเฉพาะการเจอทีมระดับท็อปทั้งในลีกและเวทียุโรป
ที่น่าสนใจคือ หมายเลข 14 ที่แรชฟอร์ดได้รับนั้น ไม่ใช่แค่เลขธรรมดา แต่คือหมายเลขเดียวกับที่ เธียร์รี่ อองรี ตำนานกองหน้าชาวฝรั่งเศสเคยใช้สวมล่าตาข่ายให้กับบาร์เซโลน่าชุดแชมป์ยุคเป๊ป กวาร์ดิโอล่า และยังเป็นไอดอลของแรชฟอร์ดตั้งแต่เด็ก การเลือกเบอร์นี้จึงไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่เป็นสัญญาณถึงความตั้งใจของแข้งผู้ดีรายนี้ที่จะฝากชื่อไว้ในหน้าประวัติศาสตร์ของยอดทีมแห่งแคว้นกาตาลัน
สำหรับแฟนบอลที่รอติดตามฟอร์มของแรชฟอร์ดในสีเสื้อเลือดหมู-น้ำเงิน คงต้องรอลุ้นว่าเขาจะสามารถเรียกฟอร์มเก่งกลับมาได้หรือไม่ หลังฤดูกาลก่อนฟอร์มกับแมนฯ ยูไนเต็ดไม่สม่ำเสมอ และมีเสียงวิจารณ์ตามมามากมาย แต่ด้วยระบบของบาร์ซ่าที่เน้นเกมบุกต่อบอลเร็ว อาจเป็นเวทีที่เหมาะสมที่สุดในการปลุกพลังดาวยิงรายนี้อีกครั้ง
ติดตามทุกข่าวเด่น ตลาดนักเตะ, ความเคลื่อนไหวระดับโลก และบทวิเคราะห์เข้มข้นได้ที่ ข่าวกีฬาฟุตบอลบ้านกีฬา