เสียงนกหวีดสุดท้ายดังขึ้นแล้วสำหรับเส้นทางของ อีวาน ราคิติช หนึ่งในมิดฟิลด์ที่ถูกยกให้เป็น “ของดีที่คนมักมองข้าม” หรือ underrated มากที่สุดในยุคของเขา หลังประกาศแขวนสตั๊ดในวัย 37 ปี เมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม 2025 ปิดฉากอาชีพค้าแข้งอันยิ่งใหญ่ยาวนานกว่า 19 ปี ที่เต็มไปด้วยความทุ่มเทและความสำเร็จที่ไม่อาจปฏิเสธได้ ด้วยการกวาดแชมป์ถึง 17 รายการ ยิงรวมเกือบ 150 ประตู และที่สำคัญคือการนำทีมชาติโครเอเชียสร้างประวัติศาสตร์เข้าชิงฟุตบอลโลก 2018 ได้สำเร็จ
ราคิติชถือเป็นตัวอย่างของนักเตะที่ไม่เคยใช้คำว่าธรรมดา แม้ไม่ได้มีภาพลักษณ์โดดเด่นฉูดฉาดเท่าคนอื่น แต่กลับเป็นหัวใจสำคัญในทุกทีมที่เขาสวมเสื้อ สถิติและเกียรติยศที่เขาฝากไว้คือเครื่องยืนยันถึงความยิ่งใหญ่ที่แฟนบอลทั่วโลกต้องยอมรับ
ลูกโครเอเชียหัวใจสวิตฯ จุดเริ่มต้นของตำนานเงียบ
เกิดและเติบโตในสวิตเซอร์แลนด์ ราคิติชเริ่มต้นเส้นทางลูกหนังกับทีมเยาวชนของ เอฟเซ เมอลิน รีบูร์ก ก่อนจะถูกบาเซิ่ลดึงตัวไปร่วมทัพในปี 2004 โดยปีแรกยังอยู่ทีมสำรอง ก่อนขยับขึ้นสู่ชุดใหญ่ในปีถัดมา เขาฉายแววเด่นจนเป็นที่จับตา และเพียงไม่นานก็ถูกทีมใหญ่ในยุโรปแย่งตัว
ระเบิดฟอร์มในบุนเดสลีกากับชาลเก้ 04
ซัมเมอร์ปี 2007 ราคิติชย้ายไปเยอรมนีเพื่อพิสูจน์ตัวเองในสีเสื้อ ชาลเก้ 04 แม้จะไร้แชมป์ติดมือในสามปีครึ่งที่อยู่กับ “ราชันสีน้ำเงิน” แต่เขาก็กลายเป็นนักเตะที่แฟนบอลจำชื่อได้จากฟอร์มสม่ำเสมอและพัฒนาการอย่างต่อเนื่อง
เฉิดฉายเต็มที่บนเวทีสเปนกับเซบีย่าและบาร์เซโลน่า
ในเดือนมกราคม 2011 เขาย้ายสู่ลา ลีกา กับ เซบีย่า และแจ้งเกิดเต็มตัวทันทีด้วยการพาทีมคว้าแชมป์ยูฟ่า ยูโรปาลีกในฤดูกาล 2013/14 พร้อมผลงานส่วนตัวที่โดดเด่นจนไปเตะตายักษ์ใหญ่อย่างบาร์เซโลน่า และปี 2014 เขาก็กลายเป็นสมาชิกใหม่ของ “เจ้าบุญทุ่ม”
ช่วงเวลาในถิ่นคัมป์นูของราคิติชถือเป็นจุดสูงสุดในอาชีพ เขากวาดแชมป์ทุกแชมป์ที่สโมสรมีให้คว้า ทั้งลา ลีกา 4 สมัย, โกปา เดล เรย์ 4 สมัย, ซูเปร์โกปา เด เอสปันญ่า 2 สมัย, ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก, ยูฟ่า ซูเปอร์คัพ และฟีฟ่า คลับเวิลด์คัพ โดยไฮไลท์สำคัญที่สุดคือการยิงประตูเบิกร่องในนัดชิงแชมเปี้ยนส์ลีกปี 2015 ที่บาร์ซ่าชนะยูเวนตุส 3-1 คว้าทริปเปิลแชมป์อย่างยิ่งใหญ่
คืนถิ่นเซบีย่า ก่อนโบกมือลาที่บ้านเกิด
ปี 2020 เขากลับมาสวมเสื้อเซบีย่าอีกครั้ง ลงสนามมากกว่ารอบแรกและคว้าแชมป์ยูโรปาลีกเพิ่มอีกรายการในปี 2023 ก่อนบินไปรับบทบาทใหม่กับอัล ชาบับในซาอุดีอาระเบียช่วงสั้นๆ แล้วกลับยุโรปสวมเสื้อไฮดุ๊ค สปลิท ทีมในบ้านเกิดช่วงโค้งสุดท้าย และในที่สุดก็ประกาศอำลาสนามอย่างเป็นทางการ
ฮีโร่เงียบของโครเอเชีย
ตลอด 12 ปีกับทีมชาติโครเอเชีย ราคิติชลงเล่น 106 นัด ยิงไป 15 ประตู โดยช่วงเวลาที่แฟนบอลทั้งโลกจดจำคือการพาโครเอเชียทะลุเข้าชิงฟุตบอลโลก 2018 คู่กับลูก้า โมดริชในแดนกลางอย่างลงตัว แม้จะพ่ายฝรั่งเศสในนัดชิง แต่ทีม “ตาหมากรุก” ชุดนั้นถูกยกย่องว่าเป็นหนึ่งในทีมชาติที่แข็งแกร่งและน่าชื่นชมที่สุดในประวัติศาสตร์
สถิติการเล่นตลอดอาชีพ (สโมสร+ทีมชาติ)
- ลงเล่นรวม: 993 นัด
- ยิงประตู: 140 ประตู
- แอสซิสต์: 157 ครั้ง
- แชมป์: 17 รายการ
ราคิติชได้ฝากรอยเท้าในประวัติศาสตร์ฟุตบอลโลกและยุโรปในฐานะนักเตะที่ทุ่มเทเกินร้อยทุกวินาทีที่อยู่ในสนาม ชื่อนี้จะถูกจารึกไว้ในใจแฟนบอลตลอดไป
ติดตามข่าวสารวงการฟุตบอลและเรื่องราวสุดเข้มข้นแบบนี้ได้ทุกวันที่ ข่าวกีฬาฟุตบอลบ้านกีฬา
