แรงกระหายที่สะสมมานานนับทศวรรษกำลังปะทุขึ้นอีกครั้งในถิ่นซานเฟรซเซ่ ฮิโรชิม่า เมื่อพวกเขาเดินหน้าเสริมแกร่งเต็มพิกัด โดยล่าสุดประกาศคว้าตัว คิม จู ซุง เซ็นเตอร์แบ็กดีกรีทีมชาติเกาหลีใต้จาก เอฟซี โซล มาร่วมทัพแบบเป็นทางการ เพื่อเติมเต็มจิ๊กซอว์ในแนวรับสำหรับลุยศึก เจลีก 2025 ช่วงโค้งสุดท้ายที่เข้มข้นทุกวินาที โดยเป้าหมายคือการ กลับมาครองแชมป์ลีกสูงสุดของญี่ปุ่นเป็นครั้งแรกในรอบ 10 ปี
สถานการณ์ในตารางคะแนนตอนนี้ ทีมดังจากเมืองฮิโรชิม่ารั้งอยู่อันดับ 5 ด้วยผลงานแข่ง 24 นัด มี 42 คะแนน ภายใต้การคุมทัพของ มิเชล สกิบเบ้ เฮดโค้ชชาวเยอรมันผู้เคี่ยวกรำลูกทีมจนมีฟอร์มที่แข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ โดยพวกเขา ตามหลังจ่าฝูงเพียง 4 แต้มเท่านั้น ทำให้ทุกคะแนนในช่วงที่เหลือของฤดูกาลมีความหมายอย่างยิ่งยวด และการดึงแนวรับสายเลือดโสมขาวมาร่วมทีมครั้งนี้ กำลังกลายเป็นหมากสำคัญในเกมไล่ล่าแชมป์ที่ใกล้เดือดเต็มที
คิม จู ซุง ปราการหลังวัย 24 ปี เป็นหนึ่งในกองหลังที่น่าจับตามองที่สุดของเกาหลีใต้ เขาเติบโตจากอะคาเดมีของเอฟซี โซล และก้าวขึ้นมาเป็นตัวหลักของทีมได้ตั้งแต่อายุยังน้อย พร้อมผ่านประสบการณ์ในเวที เคลีก มาหลายฤดูกาล แถมยังมีดีกรีรับใช้ทีมชาติเกาหลีใต้อีกด้วย การย้ายมาเล่นใน เจลีก กับสโมสรระดับลุ้นแชมป์อย่างซานเฟรซเซ่ ฮิโรชิม่า ถือเป็นการก้าวกระโดดในอาชีพที่สำคัญ และยืนยันความทะเยอทะยานของเจ้าตัวว่า พร้อมลุยศึกในลีกที่มีความเร็วและแท็กติกจัดจ้านยิ่งขึ้น
ขณะเดียวกัน การมาของคิมยังเป็นการขยับที่ชาญฉลาดของสโมสร เพราะนอกจากจะช่วยเสริมแนวรับให้แน่นปึ้กแล้ว ยังเพิ่มทางเลือกในการปรับแท็กติกของโค้ชสกิบเบ้ได้หลากหลายขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการยืนแบ็กโฟร์หรือปรับเป็นสามเซ็นเตอร์ก็สามารถใช้งานเขาได้อย่างยืดหยุ่น ด้วยส่วนสูง 185 ซม. ความเร็ว และการอ่านเกมที่แม่นยำ ทำให้เขาน่าจะกลายเป็นหัวใจในแผงหลังของ “พลธนูสีม่วง” ได้ในเวลาไม่นาน
ย้อนกลับไปเมื่อปี 2015 ซานเฟรซเซ่ ฮิโรชิม่า เคยผงาดคว้าแชมป์เจลีกเป็นสมัยที่สาม ภายใต้การคุมทัพของ ฮาจิเมะ โมริยาสุ ซึ่งปัจจุบันเป็นเฮดโค้ชทีมชาติญี่ปุ่น หลังจากนั้นพวกเขายังไม่สามารถทวงบัลลังก์คืนได้อีกเลย แม้จะมีลุ้นในบางฤดูกาลแต่ก็มักสะดุดในช่วงสำคัญอยู่เสมอ ฤดูกาล 2025 นี้จึงเปรียบเสมือนเส้นทางล้างคำสาป และทุกคนในสโมสรต่างรวมพลังกันเพื่อภารกิจใหญ่
การเสริมทัพด้วยผู้เล่นคุณภาพอย่าง คิม จู ซุง จึงไม่ใช่แค่การซื้อขายนักเตะธรรมดา แต่สะท้อนให้เห็นถึงความจริงจังของสโมสรที่ พร้อมกลับมาทวงแชมป์เจลีก หลังห่างหายจากความสำเร็จมาอย่างยาวนาน และในสถานการณ์ที่แต้มยังเปิดกว้าง ทุกนัดหลังจากนี้จะเป็นศึกเดิมพันที่ไม่มีที่ว่างสำหรับความผิดพลาดแม้แต่นิดเดียว
ติดตามทุกความเคลื่อนไหวของวงการฟุตบอลเอเชียและข่าวกีฬาเดือดๆ ได้ที่ บอลเจลีกบ้านกีฬา
