
มาร์คุส บับเบิ้ล อดีตแข้งทีมชาติเยอรมนี ออกโรงวิจารณ์หนักใส่ มาร์ค เบลลิงแฮม พ่อของสองแข้งดาวรุ่งชื่อดังอย่าง จู๊ด เบลลิงแฮม และ โจ๊บ เบลลิงแฮม หลังตกเป็นข่าวบุกทะลวงห้องแต่งตัวโบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ เหตุไม่พอใจที่ลูกชายถูกเปลี่ยนตัวออกกลางคัน พร้อมซัดพฤติกรรมนี้คือการ “หลงตัวเอง” และทำให้สโมสรเสียหาย
ต้นตอเหตุวุ่นในห้องแต่งตัวเสือเหลือง
ดราม่าร้อนเกิดขึ้นหลังเกมที่ ดอร์ทมุนด์ เสมอ ซังต์ เพาลี ไปแบบสุดมัน 3-3 โดยรายงานเผยว่า มาร์ค เบลลิงแฮม ไม่พอใจอย่างแรงที่เห็นลูกชายคนเล็กอย่าง โจ๊บ ถูกถอดออกตั้งแต่ช่วงพักครึ่ง ทำให้เจ้าตัวถึงขั้นบุกไปยังห้องแต่งตัวเพื่อเอาเรื่อง ก่อนจะมีการโต้เถียงกับ เซบาสเตียน เคห์ล ผู้อำนวยการกีฬาของสโมสร
เหตุการณ์นี้กลายเป็นข่าวใหญ่ในเยอรมนี เพราะถือว่าเป็นการก้าวก่ายหน้าที่สตาฟฟ์และสร้างบรรยากาศตึงเครียดในทีม ซึ่งสื่อหลายสำนักก็จับตาอย่างใกล้ชิด เนื่องจากดอร์ทมุนด์เป็นทีมที่ขึ้นชื่อเรื่องการพัฒนาแข้งเยาวชนและให้โอกาสดาวรุ่งเสมอ แต่การกระทำแบบนี้อาจส่งผลกระทบต่อทีมในระยะยาว
บับเบิ้ลสับแรง พฤติกรรมยอมรับไม่ได้
บับเบิ้ลไม่รอช้า ออกโรงตำหนิการกระทำของคุณพ่อเบลลิงแฮมแบบไม่ไว้หน้า พร้อมใช้ถ้อยคำรุนแรงที่สะท้อนถึงความไม่พอใจ
เขากล่าวว่า
“นั่นเป็นเรื่องที่ยอมรับไม่ได้อย่างสิ้นเชิง พ่อแม่บางคนทึกทักเอาเองว่าพวกเขาเป็นคนที่สำคัญซะเต็มประดา และนั่นเป็นเรื่องที่ผมแทบจะทนไม่ได้เลย คนที่เป็นพ่อเหล่านี้เขาคิดว่าตัวเองประสบความสำเร็จแบบยิ่งใหญ่รึไงกัน ? พวกเขาไม่ได้ประสบความสำเร็จอะไรทั้งนั้น มีแค่ลูกชายของพวกเขาเท่านั้นแหละที่ทำอะไรแบบเป็นชิ้นเป็นอันได้จริงๆ”
นี่คือถ้อยคำที่สะท้อนถึงการไม่ยอมรับพฤติกรรมก้าวก่ายจากผู้ปกครองที่คิดว่าตัวเองมีสิทธิ์เหนือกว่าทีมงานของสโมสร
มุมมองของบับเบิ้ลต่อปัญหานี้
อดีตกองหลังรายนี้ยังเสริมว่า ปัญหามักเกิดจาก “คนเป็นพ่อ” ที่คิดว่าตัวเองมีความสำคัญมากกว่านักเตะที่อยู่ในสนาม ขณะที่ผู้เป็นแม่แทบไม่ค่อยมีปัญหาในลักษณะนี้ เขาเชื่อว่าดอร์ทมุนด์คือสโมสรที่เหมาะสมสำหรับการพัฒนาโจ๊บ แต่สิ่งสำคัญคือครอบครัวต้องให้ความร่วมมือและไม่สร้างเงื่อนไขที่ทำให้ทีมเสียสมดุล
บับเบิ้ลยังฝากความหวังไว้ที่ เซบาสเตียน เคห์ล ให้เข้าไปพูดคุยกับมาร์ค เบลลิงแฮม เพื่อทำให้เขาเข้าใจว่าสโมสรควรมาก่อน และไม่ควรเอาอารมณ์ส่วนตัวมาทำให้ภาพลักษณ์ของทีมเสียหาย
ความจริงที่ฟุตบอลสอนเรา
ในโลกฟุตบอลระดับอาชีพ เรามักเห็นกรณีที่ผู้ปกครองเข้ามามีบทบาทกับเส้นทางลูกชาย แต่เมื่อเกินขอบเขต ก็อาจสร้างผลเสียมากกว่าผลดี ตัวอย่างที่เคยเกิดขึ้นมีมากมาย ไม่ว่าจะเป็นนักเตะดังที่ถูกพ่อแม่ควบคุมการตัดสินใจจนเกิดความขัดแย้งกับสโมสร หรือกรณีที่บอร์ดบริหารต้องออกโรงเตือนผู้ปกครองไม่ให้ก้าวก่ายการทำงานของโค้ช ซึ่งเรื่องนี้ถือเป็นบทเรียนสำคัญว่า ความเป็นมืออาชีพคือหัวใจในการสร้างเส้นทางที่ยั่งยืน
บทสรุป
เหตุการณ์นี้เป็นอีกหนึ่งบททดสอบของดอร์ทมุนด์ในการจัดการกับแรงกดดันทั้งในและนอกสนาม แม้ โจ๊บ เบลลิงแฮม จะเป็นดาวรุ่งที่มีอนาคตไกล แต่สิ่งที่เกิดขึ้นอาจเป็นอุปสรรคหากครอบครัวไม่รู้จักวางตัว ในมุมของแฟนบอล การเคารพโครงสร้างทีมและการทำงานของสตาฟฟ์คือสิ่งสำคัญที่สุด หากพ่อแม่เข้ามาแทรกแซงมากเกินไป อาจทำให้เส้นทางการค้าแข้งของลูกชายสะดุดโดยไม่จำเป็น
ฟุตบอลไม่ใช่แค่เกม แต่คือระบบที่ต้องอาศัยวินัย ความเป็นทีม และความมืออาชีพ ทุกฝ่ายควรตระหนักและเรียนรู้จากเหตุการณ์นี้ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความเสียหายกับสโมสรและนักเตะในอนาคต ติดตามทุกความเคลื่อนไหวและข่าวร้อนในวงการฟุตบอลได้ที่ ข่าวกีฬาฟุตบอลบ้านกีฬา