
โทนี่ โครส มิดฟิลด์จอมเก๋าชาวเยอรมัน ออกโรงตำหนิอย่างดุเดือดต่อกฎใหม่ของศึก บุนเดสลีกา เยอรมนี ที่กำหนดให้โค้ชและกัปตันทีมต้องเข้าพบผู้ตัดสินล่วงหน้า 70 นาทีก่อนเริ่มเกม โดยโครสมองว่ามาตรการนี้ไม่เพียงไร้ประโยชน์ แต่ยังสร้างภาระและรบกวนการเตรียมทีมก่อนลงสนาม พร้อมตอกย้ำว่าปัญหาที่ควรได้รับการแก้ไขจริงๆ คือเรื่อง VAR และพฤติกรรมในเกมที่บานปลายจนทำลายภาพลักษณ์ลีก
จุดเริ่มกฎใหม่ “Handshake Dialogue”
ฝ่ายจัดการแข่งขันบุนเดสลีกาได้ออกกฎใหม่ที่เรียกว่า “handshake dialogue” มีเป้าหมายเพื่อปรับปรุงบรรยากาศการแข่งขันหลังจากที่ตลอดหลายปีที่ผ่านมา ลีกสูงสุดเมืองเบียร์เผชิญกับภาพลักษณ์ด้านลบ ทั้งการโต้เถียงดุเดือดกับกรรมการ การเข้าปะทะหนักเกินเหตุ และการถ่วงเวลาที่มากจนเกินไป จึงหวังว่าการจับมือและพูดคุยก่อนเกมจะช่วยลดความตึงเครียด และทำให้บรรยากาศการแข่งขันดูสงบลงมากขึ้น
โครสไม่ปลื้ม ซัด “เสียเวลามากกว่ามีประโยชน์”
เมื่อถูกนักข่าวถามถึงกฎใหม่นี้ โครส ถึงกับสวนทันทีว่าแทบไม่เห็นความจำเป็น พร้อมอ้างอิงคำพูดของ ลูคัส ควาสเนี๊ยค กุนซือโคโลญจน์ที่เคยวิจารณ์ไว้ก่อนหน้า โดยโครสเผยว่าตนถึงขั้น “เกือบตกเก้าอี้” เมื่อได้ยินเรื่องดังกล่าว
“ผมเกือบตกเก้าอี้เลย ผมคิดว่า (กุนซือ โคโลญจน์ ลูคัส) ควาสเนี๊ยค อธิบายได้ดีไปแล้ว ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันมีการใช้กฎนั้นไปแล้ว ทั้งที่มันมีปัญหาตั้งหลายปัญหาให้แก้ นั่นรวมถึง วีเออาร์ ด้วย โอเคล่ะว่ามันเป็นเรื่องที่ดีและมาจากความตั้งใจที่ดี แต่พอลองนึกภาพว่าถ้าตัวเองอยู่ในสถานการณ์แบบนั้นแล้วน่ะ ผมก็คิดกับตัวเองเลยว่า -จับมือกันก่อนเริ่มเกม 70 นาที โดยที่พูดว่าต้องเคารพกันนะ แต่ตอนนั้นมันยังไม่ได้มีอารมณ์ร่วมกับเกมสักหน่อย-“
กัปตันเสียสมาธิ แถมไม่ช่วยให้เกมราบรื่น
โครสยังชี้ว่าช่วงเวลา 70 นาทีก่อนแข่งคือจังหวะที่กัปตันทีมต้องใช้สมาธิสูงสุดเพื่อปรับจูนสภาพจิตใจและเตรียมความพร้อมร่วมกับเพื่อนร่วมทีม แต่กลับต้องถูกบังคับให้ไปจับมือทักทายกับกรรมการโดยไม่มีผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรม
“กฎนี่มันไม่ได้ส่งผลอะไรหรือมีความหมายอะไรทั้งนั้น แถมมันยังไปรบกวนการเตรียมความพร้อมของคนที่เป็นกัปตันทีมด้วย ตามปกติแล้วนั่นเเป็นช่วงเวลาที่คนเป็นกัปตันทีมเขากำลังเตรียมความพร้อมกันอยู่ ตอนนี้คุณจะให้เรามาบอกว่าเรารักกันมากๆ แต่พอเข้าสู่นาทีที่ 5 มันก็ไม่มีบรรยากาศเป็นมิตรจากการจับมือกันอีกแล้ว และคุณก็มาโดนใบเหลืองเนี่ยนะ”
บุนเดสลีกายังมีแผลใหญ่ชื่อ VAR
โครสไม่ลืมตอกย้ำว่า สิ่งที่ควรถูกหยิบยกขึ้นมาปรับปรุงคือการทำงานของระบบ VAR ที่สร้างปัญหามาโดยตลอด ทั้งการใช้เวลาตัดสินที่ยืดเยื้อ และการขัดจังหวะเกมที่ทำให้แฟนบอลเสียอารมณ์ เขามองว่าการพยายามแก้ปัญหาด้วยกฎ “handshake dialogue” เป็นเพียงการแก้ปลายเหตุ และไม่สามารถเปลี่ยนคุณภาพเกมฟุตบอลได้จริง
มิติที่แฟนบอลต้องรู้
ในเชิงวัฒนธรรมฟุตบอล การสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับกรรมการถือเป็นสิ่งที่ลีกหลายประเทศพยายามส่งเสริม แต่สิ่งที่แฟนบอลทั่วโลกจับตามองคือ “คุณภาพการตัดสิน” มากกว่าการสร้างภาพลักษณ์ก่อนแข่ง กฎแบบนี้แม้จะตั้งใจดี แต่ถ้าไม่สามารถแก้ไขปัญหาแก่นแท้อย่างการตัดสินผิดพลาด ความน่าเชื่อถือของลีกก็ยังถูกตั้งคำถามอยู่ดี
เสียงสะท้อนจากสตาร์ดัง อาจสั่นสะเทือนผู้จัดลีก
การที่ โทนี่ โครส ซึ่งเป็นหนึ่งในนักเตะที่มีเสียงทรงพลังระดับโลก ออกมาวิจารณ์อย่างตรงไปตรงมา อาจเป็นแรงกดดันให้ฝ่ายจัดการแข่งขันบุนเดสลีกาทบทวนกฎใหม่นี้อีกครั้ง เพราะเสียงของแข้งระดับนี้ไม่ใช่เพียงความเห็นส่วนบุคคล แต่ยังสะท้อนมุมมองของนักเตะอาชีพจำนวนมากที่ได้รับผลกระทบโดยตรง
ฟุตบอลยังต้องเดินหน้า แต่กฎควรตอบโจทย์จริง
ฟุตบอลไม่ใช่แค่เกม แต่คือวัฒนธรรม กีฬา และความรู้สึกของแฟนบอล การออกกฎใหม่ใดๆ ควรตอบโจทย์ทั้งการพัฒนาคุณภาพเกม ความยุติธรรมในการแข่งขัน และความพึงพอใจของแฟนบอลมากกว่าการสร้างภาพลักษณ์ชั่วคราว หากบุนเดสลีกาต้องการกลับมาเป็นลีกที่มีมาตรฐานสูงสุดในยุโรป ปัญหาหลักอย่าง VAR และการจัดการเกมในสนามต่างหากที่ต้องได้รับการแก้ไขอย่างจริงจัง
ติดตามความเคลื่อนไหวและข่าวเด็ดวงการลูกหนังได้ที่ ข่าวกีฬาฟุตบอลบ้านกีฬา