เคดิร่าเปิดศึกจวกเสือใต้! ชี้บาเยิร์นไร้ดีเอ็นเอปั้นดาวรุ่ง เลนนาร์ต คาร์ล ถูกลดบทบาทเหลือแค่ตัวสำรองท้ายเกม

เสียงวิจารณ์จากอดีตแข้งดัง

ซามี่ เคดิร่า อดีตกองกลางทีมชาติเยอรมนี ออกมาเปิดใจแบบไม่เกรงใจต้นสังกัดเก่าในเวทีบุนเดสลีกา หลังจาก บาเยิร์น มิวนิค ถูกตั้งคำถามอีกครั้งเกี่ยวกับแนวทางในการพัฒนาดาวรุ่ง เมื่อ เลนนาร์ต คาร์ล มิดฟิลด์วัยเพียง 17 ปี ได้รับโอกาสลงสนามเพียงไม่กี่นาทีสุดท้ายในศึก ฟร๊านซ์ เบ็คเค่นบาวเออร์ ซูเปอร์คัพ ที่ “เสือใต้” เฉือนชนะ เฟาเอฟเบ สตุ๊ตการ์ท 2-1

เคดิร่าแสดงความผิดหวังชัดเจนกับแนวคิดของบาเยิร์นที่ดูเหมือนยังคงยึดติดกับการใช้งานผู้เล่นระดับซูเปอร์สตาร์มากกว่าการปั้นเด็กหนุ่มที่มีศักยภาพ โดยชี้ว่าการส่ง คาร์ล ลงสนามในนาทีที่ 93 ของเกมนั้น ไม่ต่างอะไรกับการปิดกั้นโอกาสโชว์ศักยภาพของแข้งอนาคตไกล

ผลงานช่วงปรี-ซีซั่นถูกมองข้าม

ตลอดการอุ่นเครื่องปรี-ซีซั่นที่ผ่านมา เลนนาร์ต คาร์ล โชว์ฟอร์มเด่นจนได้รับการจับตามองจากสื่อเยอรมนีและแฟนบอล เขาแสดงให้เห็นถึงทักษะการครองบอลและความมั่นใจเกินวัย หลายฝ่ายคาดการณ์ว่าเจ้าหนูรายนี้จะได้เห็นโอกาสลงสนามมากกว่าที่เป็นจริง ทว่าความหวังเหล่านั้นกลับถูกดับลง เมื่อเขาถูกส่งลงสนามเพียงช่วงทดเวลาเจ็บ ซึ่งแทบไม่มีพื้นที่ให้พิสูจน์ตัวเอง

คำพูดตรงไปตรงมาของเคดิร่า

“คุณต้องกล้าที่จะค่อยๆ ผลักดันให้นักเตะดาวรุ่งฝีเท้าดีอย่าง เลนนาร์ต คาร์ล ได้ปรับตัวเข้าสู่ทีมชุดใหญ่ สิ่งที่สำคัญที่สุดคือโค้ชต้องเชื่อใจดาวรุ่งแบบนี้ น่าเศร้าที่เรื่องนั้นไม่เคยอยู่ในดีเอ็นเอของ บาเยิร์น แม้แต่นิดเดียว” เคดิร่า กล่าวอย่างเผ็ดร้อน

ตัวอย่างจากตำนาน โธมัส มุลเลอร์

เคดิร่าไม่ลืมยกกรณีของ โธมัส มุลเลอร์ มาเป็นเครื่องยืนยันว่า การปั้นเด็กไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่เป็นผลลัพธ์จากการตัดสินใจของโค้ชที่ “กล้า” ให้โอกาส เขาย้ำว่า มุลเลอร์ไม่ได้ก้าวขึ้นมาเพราะประกาศตัวเอง แต่เพราะได้รับความไว้วางใจจาก เฮอร์มันน์ เจอร์ลันด์ ผู้ช่วยโค้ช และ หลุยส์ ฟาน กัล ที่กล้าเสี่ยงดันดาวรุ่งเข้าสู่ทีมชุดใหญ่ในเวลานั้น

“ผมถามหน่อยว่ากรณีของ โธมัส มุลเลอร์ ตอนนั้นเขาได้เข้าสู่ทีมชุดใหญ่เพราะเขาป่าวประกาศตัวเองว่าพร้อมแล้ว หรือว่าเพราะ เฮอร์มันน์ เจอร์ลันด์ กับ หลุยส์ ฟาน กัล กล้าที่จะให้โอกาสเขากันแน่ ?”

ปัญหาที่เป็นรากลึกของบาเยิร์น

สิ่งที่เคดิร่าพยายามสื่อ คือรากฐานของบาเยิร์นที่ไม่เคยวางระบบปั้นดาวรุ่งให้ชัดเจน แม้สโมสรจะมีชื่อเสียงเรื่องการคว้าแชมป์และซื้อนักเตะระดับโลก แต่กลับขาด วัฒนธรรมการเสริมสร้างดาวรุ่ง ที่ต่อยอดได้ในระยะยาว ซึ่งแตกต่างจากทีมชั้นนำหลายแห่งของยุโรปที่ใช้วิธีผสมผสานทั้งการซื้อนักเตะและการสร้างแข้งจากอคาเดมี

ความสำคัญของการปั้นนักเตะเยาวชน

ในยุคฟุตบอลปัจจุบัน การสร้างดาวรุ่งไม่ใช่เพียงการลดค่าใช้จ่ายในการซื้อนักเตะ แต่ยังสะท้อนถึงรากฐานและอัตลักษณ์ของสโมสร เช่น บาร์เซโลนา ที่สร้างนักเตะจากลา มาเซีย จนขึ้นมาเป็นแกนหลักของทีมชาติสเปน หรือแม้แต่ดอร์ทมุนด์ ที่กล้าเสี่ยงดันดาวรุ่งหลายรายจนกลายเป็นขุมกำลังสำคัญในตลาดซื้อขาย สิ่งเหล่านี้คือบทเรียนที่บาเยิร์นยังไม่อาจก้าวข้ามได้

แฟนบอลเยอรมนีกับเสียงเรียกร้อง

แฟนบอลและสื่อในแดนเบียร์ต่างตั้งคำถามไปในทิศทางเดียวกันว่า บาเยิร์นกำลังพลาดโอกาสครั้งสำคัญในการสร้างซูเปอร์สตาร์คนต่อไป หากยังคงหมุนเวียนอยู่กับสตาร์ดังที่มีอยู่แล้ว โดยเฉพาะในยุคที่คู่แข่งอย่างไลป์ซิกหรือดอร์ทมุนด์กล้าให้พื้นที่กับดาวรุ่งอย่างเต็มตัว

มุมมองต่ออนาคตของเลนนาร์ต คาร์ล

สำหรับ เลนนาร์ต คาร์ล แม้โอกาสในสนามยังน้อย แต่เขาก็ได้รับการยอมรับว่าเป็นหนึ่งในแข้งพรสวรรค์สูงของเยอรมนี การถูกพูดถึงในระดับนี้ถือเป็นสัญญาณว่า หากบาเยิร์นไม่กล้าปั้นจริงจัง สโมสรอื่นอาจเข้ามาฉกตัวไปร่วมทีมในอนาคต

ฟุตบอลเยอรมันกับการสร้างรากฐานใหม่

สิ่งที่เกิดขึ้นกับบาเยิร์นคือกระจกสะท้อนถึงภาพรวมของฟุตบอลเยอรมัน ที่กำลังถูกตั้งคำถามเรื่องการพัฒนาเยาวชน หลังทีมชาติเยอรมันประสบปัญหาฟอร์มตกตลอดหลายปีที่ผ่านมา การกล้าปลุกปั้นดาวรุ่งจึงไม่ใช่แค่ประเด็นของสโมสร แต่เป็นโจทย์ใหญ่ของทั้งระบบ

บทสรุปจากเสียงสะท้อน

คำพูดของซามี่ เคดิร่า คือการเปิดประเด็นที่แทงใจดำบาเยิร์นอย่างแท้จริง สโมสรที่ยิ่งใหญ่ในแง่ความสำเร็จ แต่กลับถูกมองว่าไร้ ดีเอ็นเอการปั้นดาวรุ่ง หากสถานการณ์นี้ยังดำเนินต่อไป อาจทำให้เสือใต้พลาดโอกาสสร้างฮีโร่คนใหม่ในอนาคต ขณะที่คู่แข่งเดินหน้าลงทุนกับเด็กหนุ่มมากขึ้นเรื่อยๆ

ติดตามบทวิเคราะห์เข้มข้นและข่าวสารวงการลูกหนังได้ที่ ข่าวกีฬาฟุตบอลบ้านกีฬา