
สองแข้งตัวเก่งของ ทีมชาติไทย “ศุภนันท์ บุรีรัตน์” และ “วรชิต กนิตศรีบำเพ็ญ” แสดงความมั่นใจก่อนลงสนามบุกเยือน ไชนีส ไทเป ในศึก เอเชียน คัพ 2027 รอบคัดเลือก กลุ่มดี นัดที่ 4 พร้อมตั้งเป้าหมายเก็บชัยชนะให้ได้แบบมีสกอร์ขาดลอย เพื่อสร้างความได้เปรียบด้านประตูได้เสีย ก่อนเข้าสู่โค้งสำคัญของรอบคัดเลือก
ความพร้อมของทีมชาติไทยก่อนศึกสำคัญ
ทัพ “ช้างศึก” เดินหน้าซ้อมต่อเนื่องที่สนามกีฬามหาวิทยาลัยแห่งชาติฉางฉี เมื่อวันที่ 12 ตุลาคม 2568 เวลา 14.30 น. โดยการซ้อมมุ่งเน้นไปที่การ ฟื้นฟูร่างกาย หลังเดินทางถึงไต้หวัน และปรับตัวกับสภาพอากาศรวมถึงสัมผัสลูกบอลเพื่อเตรียมความพร้อมอย่างละเอียดถี่ถ้วนก่อนเกมสำคัญ นัดนี้ถือเป็นอีกหนึ่งเกมที่อาจชี้ชะตาตำแหน่งจ่าฝูงของกลุ่ม
ศุภนันท์มั่นใจทีมพร้อมบุกทะลวงแนวรับไชนีส ไทเป
“ศุภนันท์ บุรีรัตน์” แบ็คขวาตัวเก่ง เผยถึงความพร้อมของทีมว่า “ตอนนี้เพื่อนๆ ในทีมพยายามฟื้นฟูร่างกายให้เร็วที่สุดสำหรับเกมต่อไป ทุกคนต่างอยากลงสนาม อยู่ที่โค้ชจะเลือกใช้ใครทุกคนพยายามซัปพอร์ตกัน”
เจ้าตัวยังกล่าวถึงแทคติกและการปรับตำแหน่งกับ นิโคลัส มิคเกลสัน ว่าไม่มีปัญหา พร้อมเดินเกมรุกตามแนวทางที่โค้ชวางไว้ “ส่วนกรณีที่ นิโก้ (นิโคลัส มิคเกลสัน) ไปเล่นปีกขวา แล้วผมต้องเล่นแบ็คขวา เราคุยกันตลอด คิดว่าไม่มีปัญหาอะไร การเล่นแบบฟอลส์ ไนน์ อยู่ที่แทคติก และวิธีการของโค้ช ว่าจะให้นักเตะเล่นอย่างไร ทำอย่างไร ไชนีส ไทเป พวกเขามีคุณภาพ สู้เราไม่ได้ แต่พยายามเล่นเกมรับเยอะ ไม่รู้ว่าในบ้านพวกเขาจะเปิดเกมบุกเพิ่มขึ้นหรือไม่ แต่เราก็คุยกันเรื่องเกมรุก เพื่อปรับปรุงให้ดีขึ้น”
นอกจากนี้ ศุภนันท์ยังกล่าวถึงความผิดพลาดในเกมแรกว่าเป็นเรื่องปกติของฟุตบอล และทุกคนในทีมพร้อมแก้ไขให้ดีกว่าเดิม “ในทีมก็อำ พี่ไมค์ ปฏิวัติ ที่ผิดพลาดเกมแรก แต่เป็นเรื่องฟุตบอลที่เราพลาดได้ เราพยายามเก็บไปแก้ไข เป้าหมายเกมนี้ต้องชนะและทำประตูให้ได้เยอะที่สุด เพราะลูกได้เสียก็มีผล”
วรชิตขอเปิดเกมรุกให้เร็วกว่าเดิม
ด้าน “วรชิต กนิตศรีบำเพ็ญ” กองกลางจอมทัพของช้างศึก เปิดใจถึงความพร้อมและสิ่งที่ทีมต้องพัฒนา “วันนี้เรามาซ้อมอีกที่ เมื่อวานก็มาถึงกันดึก โค้ชเน้นแพทเทิร์นเกมรุก และอยากให้กลับไปพักผ่อนเยอะๆ สภาพร่างกายตอนนี้โอเค คนที่ไม่ได้เล่นเกมแรก ได้ซ้อมแยก สมอลไซส์ และพร้อมเป็นพิเศษสำหรับนัดที่สอง”
เจ้าตัวเน้นว่าเกมรุกจำเป็นต้องเฉียบคมและรวดเร็วกว่าที่ผ่านมา “สภาพสนามต้องไปดูสนามจริง วันนี้เราไม่ได้ซ้อมสนามจริง คิดว่าสนามจริงอาจจะดีกว่าสนามซ้อม หญ้าใบใหญ่ก็ต้องปรับตัวให้เร็วขึ้น สิ่งที่ต้องปรับจากเกมแรก คิดว่าเกมรุกเราต้องเข้าทำให้ชัวร์ และเร็วกว่าเกมแรก ถ้าอยากยิงเขาได้ อย่างเกมก่อนเรายิงประตูเขาได้ช้า อาจจะมีความกดดัน ถ้าได้ประตูไวจะเล่นง่ายขึ้น และทำประตูได้มากขึ้น”
แข้งใหม่ปรับตัวได้ทัน — เป้าหมายคือซิวสามแต้มพร้อมประตูถล่ม
การเข้ามาเสริมของ “ทรงวุฒิ” และ “สันติภาพ” ก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ช่วยเพิ่มมิติให้กับทีม โดยวรชิตเชื่อว่าทั้งคู่จะปรับตัวเข้าระบบได้อย่างรวดเร็ว “สำหรับทรงวุฒิ และสันติภาพ ที่เข้ามาเสริม ทั้งคู่เคยติดทีมชาติไทยมาก่อนแล้ว คิดว่าปรับตัวไม่น่ายาก อยู่ที่แทคติกของโค้ชว่าต้องการอะไร เป้าหมายเกมนี้คือสามแต้มและยิงให้ได้มากที่สุด เพราะประตูได้เสียมีผล ทุกคนอยากเก็บสามแต้ม และยิงให้ได้มากเพื่อเป็นอันดับ 1 ของตาราง”
โปรแกรมการแข่งขันและความสำคัญของเกมนี้
โปรแกรมต่อไปของ ทีมชาติไทย จะลงสนามในเกมสำคัญกับ ไชนีส ไทเป วันที่ 14 ตุลาคม 2568 เวลา 17.30 น. (ตามเวลาประเทศไทย) ที่สนาม ไทเป มูนิซิปัล สเตเดียม โดยมีการถ่ายทอดสดผ่าน ไทยรัฐ ทีวี ช่อง 32, YouTube: BG SPORTS และ True Visions Now ซึ่งผลการแข่งขันนัดนี้อาจส่งผลต่อเส้นทางสู่รอบสุดท้ายของ เอเชียน คัพ 2027 แบบมีนัยสำคัญ
บทวิเคราะห์เชิงลึก — เกมนี้ไม่ได้มีแค่สามแต้ม
แม้หลายคนอาจมองว่า ไชนีส ไทเป ไม่ใช่คู่ต่อสู้ที่น่ากลัว แต่ในเกมระดับทีมชาติ ไม่มีอะไรการันตีความง่าย การยิงประตูให้ได้ไวตั้งแต่ต้นเกม จะเป็นตัวเปิดเกมให้ทีมชาติไทยสามารถคุมจังหวะได้ทั้งหมด ทั้งยังเป็นการสร้างความมั่นใจให้กับแนวรุก รวมถึงช่วยสะสมประตูได้เสียในกรณีที่ต้องวัดคะแนนกับทีมร่วมกลุ่มในบั้นปลาย
การวางแทคติกและความเข้าใจในเกมของนักเตะถือเป็นกุญแจสำคัญ โดยเฉพาะการประสานงานในเกมรุกที่จะต้องเร็ว แม่นยำ และเด็ดขาดมากกว่าการพบกันครั้งก่อน เพื่อไม่ให้ทีมเจ้าบ้านมีโอกาสตั้งเกมสวนกลับ
ช้างศึกต้องลุยสุดแรง — เป้าหมายอันดับ 1 กลุ่มดี
ชัยชนะในเกมนี้ไม่เพียงเพิ่มแต้มเท่านั้น แต่ยังช่วยสร้างความได้เปรียบในตารางคะแนนและบรรยากาศในทีมให้มั่นใจขึ้นอีกหลายเท่า หากแนวรุกสามารถเปิดสกอร์ได้ตั้งแต่ช่วงต้นเกม ก็จะเปิดทางให้เล่นแบบกดดันคู่แข่งเต็มรูปแบบ ซึ่งเป็นสไตล์ถนัดของทีมไทยภายใต้แทคติกใหม่ของโค้ช
แฟนบอลชาวไทยทั่วประเทศเตรียมส่งแรงเชียร์แบบจัดเต็ม และร่วมลุ้นให้ “ช้างศึก” บุกไปคว้า 3 แต้มกลับบ้าน พร้อมรักษาตำแหน่งหัวตารางไว้ได้อย่างสง่างาม ติดตามความเคลื่อนไหวและความมันส์ของเกมนี้ได้ที่ ข่าวบอลไทยบ้านกีฬา