
“สารทเดือนสิบ” ไม่ใช่เพียงแค่ประเพณีเก่าแก่ แต่คือหัวใจแห่งความกตัญญูของลูกหลานชาวใต้ที่สืบทอดต่อกันมานับร้อยปี ทุกปีในช่วงแรม 1 ค่ำถึงแรม 15 ค่ำ เดือน 10 ชาวพุทธในภาคใต้จะร่วมกันทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้ปู่ย่าตายายและบรรพบุรุษที่ล่วงลับไป ถือเป็นสายสัมพันธ์ระหว่างโลกมนุษย์กับโลกวิญญาณที่ยังคงอบอุ่นและทรงคุณค่า
ความหมายและรากเหง้าของสารทเดือนสิบ
ประเพณีนี้มีรากฐานจากศาสนาพราหมณ์ในอินเดีย ก่อนจะแผ่เข้าสู่พุทธศาสนา โดยคำว่า “เปรต” ในภาษาสันสกฤตหมายถึง “ผู้จากไปก่อน” และในภาษาบาลีอ่านว่า “เป-ตะ” จึงกลายมาเป็นชื่อเทศกาล “เป-ตะ เฟสติวัล” ที่นครศรีธรรมราชจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ เพื่อเชื่อมโยงผู้คนให้ระลึกถึงบุญบาป ความกตัญญู และคุณค่าทางจิตใจ
พิธีสำคัญสองครั้ง
- แรม 1 ค่ำ เดือน 10 เรียกว่า วันรับตายาย หรือ “หมรับเล็ก” เป็นการต้อนรับบรรพบุรุษกลับมาเยี่ยมลูกหลาน
- แรม 15 ค่ำ เดือน 10 เรียกว่า วันส่งตายาย หรือ “หมรับใหญ่” เพื่ออุทิศบุญส่งดวงวิญญาณกลับไปยังโลกหน้า
ตลอด 15 วันนี้ มีกิจกรรมหลากหลาย ทั้งการทำบุญตั้งเปรต ชิงเปรต แห่หมรับ ดับหมรับ และทำขนมเดือนสิบ 5 อย่าง ได้แก่ ขนมบ้า ขนมดีซำ ขนมกง ขนมพอง และขนมลา ซึ่งสัญลักษณ์ของขนมเหล่านี้สะท้อนทั้งคติความเชื่อและภูมิปัญญาท้องถิ่นที่ลึกซึ้ง
สารทเดือนสิบกับพลังการพัฒนาเมือง
ที่ อำเภอทุ่งสง จังหวัดนครศรีธรรมราช มีการต่อยอดประเพณีนี้สู่เทศกาล เป-ตะ เฟสติวัล ภายใต้โครงการพัฒนาเมืองแห่งทุนวัฒนธรรม โดยมหาวิทยาลัยศิลปากร และการสนับสนุนจากหน่วยงานด้านวิทยาศาสตร์และนวัตกรรม จุดเด่นอยู่ที่การใช้ย่านตลาดเก่า “ตลาดยิบ” และชุมชนห้องแถวไม้ให้กลายเป็นย่านเศรษฐกิจสร้างสรรค์ เชื่อมการอนุรักษ์ประเพณีกับการสร้างรายได้ในท้องถิ่น
ภายในงานมีกิจกรรมครบครัน ตั้งแต่ขบวนแห่รับตายายจาก 13 ตำบล การประกวดทำขนมเดือนสิบ การแสดงหนังตะลุง มโนราห์ นิทรรศการเปรตทั้ง 12 ตระกูล ไปจนถึงกิจกรรมสำหรับเยาวชน เช่น การประกวดร้องเพลงใต้และการเล่าเรื่องเดือนสิบ
สารทเดือนสิบในมิติชุมชนและการท่องเที่ยว
ชุมชนอย่างภูเก็ตก็ไม่แพ้กัน ทุกปีวัดต่างๆ จะจัดทำหุ่นเปรตกว่า 20 ตัว ไว้ให้ผู้คนสักการะและระลึกถึงบาปบุญคุณโทษ แต่ละหุ่นแสดงลักษณะของเปรตที่รับผลกรรมแตกต่างกัน เช่น ลิ้นยาว ตาโบ๋ หรือถูกทรมานในกระทะทองแดง ทั้งเพื่อเตือนใจและเป็นสื่อการเรียนรู้แก่เยาวชน นี่จึงไม่ใช่เพียงการทำบุญ แต่เป็นการสืบสานการเรียนรู้ทางศาสนา ศิลปะ และวัฒนธรรมอย่างแท้จริง
ทำไมสารทเดือนสิบถึงเป็นตำนานของชาวใต้
เพราะไม่ว่ากี่ยุคสมัย ประเพณีนี้ยังคงเป็นเครื่องเตือนใจเรื่องกตัญญูต่อผู้มีพระคุณ สร้างความสัมพันธ์ในครอบครัว และยังช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจชุมชนผ่านการท่องเที่ยวและงานวัฒนธรรม นี่คือเหตุผลที่ “สารทเดือนสิบ” ไม่เคยเสื่อมความสำคัญ และยังเป็นเครื่องหมายแห่งความภาคภูมิใจของชาวใต้ตลอดไป
บทสรุป
“สารทเดือนสิบ” ไม่ใช่เพียงพิธีกรรมทางศาสนา แต่คือการแสดงพลังของชุมชนที่ผสานความศรัทธาเข้ากับการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม ประเพณีนี้สะท้อนว่า การอนุรักษ์วัฒนธรรมไม่ใช่การหยุดนิ่ง แต่คือการต่อยอดให้สอดคล้องกับยุคสมัย และนี่คือจิตวิญญาณที่แท้จริงของคนใต้
หากคุณอยากเข้าใจความหมายของความกตัญญูในแบบลึกซึ้งที่สุด จงลองสัมผัสบรรยากาศ สารทเดือนสิบ แล้วคุณจะเห็นว่าวัฒนธรรมคือพลังที่สร้างทั้งศรัทธาและอนาคต
ติดตาม ข่าวเด่น ข่าววันนี้ ที่ ข่าวการค้นหาที่มาแรงบ้านกีฬา