
การตัดสินใจล่าสุดของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ที่ประกาศ ลดดอกเบี้ย 0.25% เมื่อวันที่ 18 กันยายนที่ผ่านมา กลายเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้นักลงทุนทั่วโลกต้องหันมาจับตาอีกครั้ง เพราะนี่คือการลดดอกเบี้ยครั้งแรกของปี และอาจเป็นสัญญาณเปิดประตูไปสู่การลดดอกเบี้ยต่อเนื่องเพื่อพยุงเศรษฐกิจที่กำลังชะลอตัว
สำหรับประเทศไทย ข่าวนี้ไม่ใช่เรื่องไกลตัว เพราะว่าที่ รมช.คลัง วรภัค ธันยาวงษ์ ออกมาเตือนชัดว่า กระแสเงินทุนต่างชาติหรือที่เรียกกันว่า “เงินร้อน” มีแนวโน้มทะลักเข้ามาในตลาดไทยมากขึ้น ส่งผลให้ค่าเงินบาทแข็งค่า และอาจกระทบหนักต่อทั้ง ภาคส่งออก และ การท่องเที่ยว
ทำไมเฟดต้องลดดอกเบี้ย?
เฟดเผชิญแรงกดดันจาก ตลาดแรงงานสหรัฐฯ ที่อ่อนแรงลง อย่างต่อเนื่อง ข้อมูลการจ้างงานเดือนสิงหาคมเผยว่ามีการเพิ่มขึ้นเพียง 22,000 ตำแหน่ง ต่ำกว่าที่คาดไว้หลายเท่า ขณะที่การปรับทบทวนสถิติย้อนหลังทำให้ตัวเลขการจ้างงานตั้งแต่ปี 2024 ถูกหั่นออกไปถึง 911,000 ตำแหน่ง สะท้อนว่าเศรษฐกิจอเมริกาเริ่มแผ่วแรง
เจอโรม พาวเวลล์ ประธานเฟด อธิบายว่า การตัดสินใจนี้คือการดำเนินการเชิง “risk management cut” ที่ให้น้ำหนักกับความเสี่ยงด้านแรงงานมากกว่าความเสี่ยงเงินเฟ้อ แม้ตัวเลขเงินเฟ้อยังสูงกว่าเป้าหมาย โดย CPI อยู่ที่ 2.9% และ PCE core index ที่ 2.6%
การเมืองในบอร์ดเฟดก็ร้อนแรงไม่แพ้ตลาดทุน
สิ่งที่น่าสนใจคือ ภายในบอร์ดเฟดยังมีการถกเถียงอย่างเข้มข้น Stephen Miran ซึ่งมีสายสัมพันธ์ใกล้ชิดกับอดีตประธานาธิบดีทรัมป์ ต้องการให้ลดดอกเบี้ยแรงกว่านี้ถึง 0.5% เพื่อตอบโจทย์นโยบาย “ดอลลาร์อ่อน – อเมริกาต้องมาก่อน” แต่สุดท้ายเสียงโหวตส่วนใหญ่ 11 ต่อ 12 ข้างพาวเวลล์ ทำให้เฟดเลือกทางสายกลางที่ -0.25%
ตลาดโลกตอบสนองอย่างไร?
- หุ้นสหรัฐฯ ปิดตัวลบเล็กน้อย ดัชนี S&P 500 ติดลบ -0.1%
- ค่าเงินดอลลาร์ แข็งขึ้น 0.3% ท่ามกลางความผันผวน
- นักลงทุนโลก มองว่าเฟดเริ่มเข้าสู่ยุคใหม่ของการจัดการความเสี่ยง มากกว่าการเกาะติดข้อมูลเศรษฐกิจแบบเดือนต่อเดือน
นี่คือสัญญาณว่าเฟดอาจไม่ได้หยุดเพียงเท่านี้ และยังมีแนวโน้มลดดอกเบี้ยเพิ่มอีก 2 ครั้งภายในปีนี้
ผลกระทบโดยตรงต่อไทย
- ค่าเงินบาทแข็งค่า – กระแสเงินทุนไหลเข้าตลาดพันธบัตรและหุ้นไทย ทำให้เงินบาทมีแนวโน้มแข็งขึ้น
- ส่งออกเจ็บหนัก – ผู้ส่งออกไทยต้องเผชิญแรงกดดันจากเงินบาทแข็ง เพราะทำให้ราคาสินค้าไทยแพงขึ้นในสายตาต่างชาติ
- ท่องเที่ยวเสียเปรียบ – นักท่องเที่ยวใช้เงินต่างประเทศน้อยลงเมื่อมาไทย ค่าใช้จ่ายแพงขึ้น อาจกระทบการฟื้นตัวของภาคท่องเที่ยว
- ธปท. ต้องลงสนาม – ธนาคารแห่งประเทศไทยอาจต้องใช้มาตรการ “smoothing operations” เพื่อไม่ให้ค่าเงินบาทแข็งเกินไปจนเสียสมดุล
มุมมองระยะยาว
การลดดอกเบี้ยของเฟดครั้งนี้ถือว่า “มาตามนัด” แต่สิ่งที่โลกกำลังเผชิญคือภาวะ เศรษฐกิจสหรัฐฯ ชะลอตัวจริง ซึ่งอาจลากยาวไปอีกหลายปี นักลงทุนจึงต้องมองให้รอบด้าน ไม่ใช่แค่ดอกเบี้ย แต่ยังต้องติดตามตัวเลขแรงงาน การเติบโต GDP และนโยบายการค้าโลกที่ยังผันผวน
สำหรับผู้ลงทุนไทย การเข้ามาของเงินร้อนอาจดูดีในระยะสั้น แต่ความผันผวนของค่าเงินจะเป็นความเสี่ยงระยะกลางถึงยาว โดยเฉพาะภาคธุรกิจที่พึ่งพาการส่งออกหรือมีหนี้สกุลดอลลาร์
สรุป
เฟดลดดอกเบี้ยครั้งนี้ไม่ใช่เรื่องเล็ก แต่คือ สัญญาณเปลี่ยนทิศทางนโยบายการเงินโลก ที่จะกระทบทั้งเศรษฐกิจไทยและพอร์ตการลงทุนของคนไทยทุกคน จับตาค่าเงินบาทให้ดี และเตรียมกลยุทธ์รับมือกับการไหลเข้าของเงินทุนต่างชาติ เพราะสิ่งนี้อาจเป็นดาบสองคม ทั้งโอกาสและความเสี่ยงในเวลาเดียวกัน
ติดตาม ข่าวเด่น ข่าววันนี้ ที่ ข่าวการค้นหาที่มาแรงบ้านกีฬา เพื่อไม่พลาดทุกความเคลื่อนไหวที่กระทบชีวิตการเงินของคุณ