
เกมเดือดที่แฟนบอลต้องจารึก
ค่ำคืนที่ ยูเวนตุส เปิดบ้านเสมอ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ 4-4 ในศึก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก กลายเป็นหนึ่งในเกมที่ถูกพูดถึงมากที่สุดในฤดูกาลนี้ เพราะทั้งสองทีมช่วยกันระเบิดสกอร์รวมถึง 8 ประตูในครึ่งหลัง ทาบสถิติสุดคลาสสิกของรายการที่เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียวมาก่อนหน้านี้ เกมนี้ไม่ได้เป็นแค่การแข่งขัน แต่เป็นโชว์สกอร์ที่ดุดันระดับตำนาน
ครึ่งแรกนิ่ง ครึ่งหลังบ้าคลั่ง
ในช่วง 45 นาทีแรก ทั้งยูเวนตุสและดอร์ทมุนด์ยังจับทางกันได้ดี เกมรัดกุมจนแทบไม่มีโอกาสสำคัญ ทำให้จบครึ่งแรกด้วยสกอร์ 0-0 แต่สิ่งที่เกิดขึ้นในครึ่งหลังกลับพลิกจากหน้ามือเป็นหลังมือ เมื่อทั้งสองทีมต่างเปิดเกมรุกเต็มสูบ ยิงกันแทบทุกโอกาสที่มี
ดอร์ทมุนด์ทำท่าจะปิดเกม
ทีมเยือน เสือเหลือง โชว์ทีเด็ดในเกมรุก สามารถยิงนำห่างถึง 4-2 ในนาทีที่ 86 ทำเอาแฟนบอลในสนามแทบสิ้นหวัง แต่ฟุตบอลคือเกมที่อะไรก็เกิดขึ้นได้ และนี่คืออีกหนึ่งหลักฐานที่ตอกย้ำสัจธรรมลูกหนัง
ยูเวนตุสไม่ยอมตาย งัดสองหมัดทดเจ็บ
เมื่อทุกคนคิดว่าดอร์ทมุนด์จะเก็บ 3 แต้มเต็มกลับบ้าน กลับกลายเป็นว่า ยูเวนตุส ฮึดสู้จนได้ 2 ประตูรวดในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ นาทีที่ 90+4 และ 90+6 พลิกสถานการณ์เสมอ 4-4 ได้อย่างเหลือเชื่อ ทำให้เสียงเฮดังสนั่นทั้งสนาม การกลับมาครั้งนี้สะท้อนให้เห็นถึงหัวใจนักสู้ที่ไม่ยอมแพ้ง่ายๆ ของทีมม้าลาย
ทาบสถิติเดือดในแชมเปี้ยนส์ลีก
ผลเสมอ 4-4 ครั้งนี้ ทำให้เกมดังกล่าวกลายเป็นแมตช์ที่ 2 ในประวัติศาสตร์ แชมเปี้ยนส์ ลีก ที่มีการยิงรวมถึง 8 ประตูในครึ่งหลัง โดยครั้งแรกเกิดขึ้นในฤดูกาล 2024-25 เมื่อ บาเยิร์น มิวนิค ถล่ม ดินาโม ซาเกร็บ 9-2 ซึ่งวันนั้นครึ่งหลัง “เสือใต้” กดไปถึง 6 ลูก ขณะที่ซาเกร็บยิงได้ 2 ลูก
สิ่งที่แฟนบอลควรจำ
แมตช์นี้ไม่ใช่เพียงเกมฟุตบอลธรรมดา แต่มันคือภาพสะท้อนของความดุดันในเกมรุก ความผิดพลาดในเกมรับ และจิตใจที่ไม่ยอมแพ้ของนักเตะ เกมที่เต็มไปด้วยอารมณ์และดราม่าเช่นนี้คือเหตุผลที่ทำให้ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ยังคงเป็นเวทีลูกหนังที่ทรงพลังที่สุดของโลก
แฟนบอลทั่วโลกจะยังคงเล่าขานถึงค่ำคืนที่ตูรินแห่งนี้ไปอีกนาน ว่าคือเกมที่ทำให้หัวใจของคอลูกหนังเต้นแรงจนวินาทีสุดท้าย ติดตามทุกแมตช์มันส์แบบนี้ต่อได้ที่ ข่าวกีฬาฟุตบอลบ้านกีฬา