ผีแดงสะเทือน! เผยค่าชดเชยสุดโหดหาก แมนยู กล้าปลด อโมริม พ้นเก้าอี้

กระแสกดดันที่โอลด์ แทรฟฟอร์ด

สถานการณ์ของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กำลังร้อนแรงขึ้นทุกขณะ เมื่อสื่อดังจากอังกฤษอย่าง เดลี่ เมล ออกมาเปิดเผยตัวเลขค่าชดเชยที่สโมสรจะต้องจ่ายหากตัดสินใจปลด รูเบน อโมริม กุนซือชาวโปรตุเกส ออกจากตำแหน่งก่อนครบวาระปีแรก นี่คือประเด็นที่ทำให้แฟนบอลและบอร์ดบริหารต้องคิดหนัก เพราะตัวเลขดังกล่าวไม่ใช่น้อยๆ เลยทีเดียว

ผลงานที่ไม่น่าจดจำ

อโมริม วัย 40 ปี ถูกดึงตัวเข้ามาแทนที่ เอริค เทน ฮาก เมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา แต่ผลงานกลับสวนทางกับความคาดหวังสุดขีด เมื่อพาทีมจบอันดับ 15 ใน พรีเมียร์ลีก ถือเป็นการหล่นวูบลงไปต่ำสุดในรอบหลายสิบปี และที่เลวร้ายกว่านั้นคือไม่สามารถคว้าโควต้าฟุตบอลยุโรปมาได้ ทำให้บรรยากาศใน “โรงละครแห่งความฝัน” เต็มไปด้วยความผิดหวังและแรงกดดันมหาศาล

บอร์ดยังไม่คิดปลด แต่เสียงวิจารณ์ถาโถม

แม้ผลงานในสนามจะตกต่ำ แต่บอร์ดของ แมนยู ยังเลือกที่จะให้การสนับสนุนอโมริมเต็มที่ ทั้งเรื่องการบริหารทีมและการเสริมทัพในตลาดนักเตะ ความเชื่อมั่นนี้สร้างคำถามให้แฟนบอลหลายคนว่า การอดทนครั้งนี้จะคุ้มค่าหรือไม่ เมื่อฟอร์มการเล่นยังไม่กระเตื้องขึ้น

จุดเริ่มต้นฤดูกาลใหม่ที่น่าผิดหวัง

เข้าสู่ซีซั่นปัจจุบัน ความหวังที่แฟนบอลอยากเห็นการเปลี่ยนแปลงกลับสลายลงอย่างรวดเร็ว อโมริมพาทีมตกรอบสองในศึก คาราบาว คัพ แบบไม่น่ามอง และในลีกก็แพ้ไปแล้วถึงสองนัดจากสี่เกมแรก กลายเป็นการออกสตาร์ตที่เลวร้ายที่สุดในรอบกว่า 30 ปีของสโมสร สถิติที่บ่งบอกอย่างชัดเจนว่า แมนยู ยังห่างไกลจากคำว่ากลับมา

ตัวเลขค่าชดเชยที่สะเทือนใจ

รายงานล่าสุดเมื่อวันที่ 16 กันยายน เผยว่า หากบอร์ดตัดสินใจปลดอโมริมออกก่อนครบหนึ่งปี สโมสรจะต้องจ่ายค่าชดเชยถึง 12 ล้านปอนด์ หรือราว 528 ล้านบาท ให้กุนซือรายนี้ นั่นคืออุปสรรคใหญ่ที่ทำให้เก้าอี้ของอโมริมยังคงแข็งแรง แม้ฟอร์มในสนามจะย่ำแย่เพียงใดก็ตาม

สัญญาที่ยาวและแพง

ข้อมูลเพิ่มเติมยังระบุว่า อโมริมเซ็นสัญญากับ แมนยู เป็นเวลา สองปีครึ่ง พร้อมค่าจ้างปีละ 6.5 ล้านปอนด์ (ราว 286 ล้านบาท) และยังมีออปชั่นต่อสัญญาเพิ่มอีกหนึ่งปี ตัวเลขเหล่านี้สะท้อนถึงความเชื่อมั่นที่สโมสรฝากไว้กับเขา แต่ในทางกลับกันก็กำลังกลายเป็นพันธนาการที่กดดันสโมสรเองด้วย

ความจริงที่หลีกไม่พ้นในโลกฟุตบอล

โลกฟุตบอลมักเต็มไปด้วยความไม่แน่นอน กุนซือที่ถูกยกย่องเมื่อวาน อาจกลายเป็นตัวปัญหาในวันนี้ ฟอร์มของทีมเป็นตัวชี้วัดที่โหดร้ายที่สุด และแฟนบอลคือผู้ตัดสินใจทางอ้อมผ่านเสียงเชียร์และเสียงวิจารณ์ ไม่ว่าบอร์ดจะอดทนแค่ไหน หากสถานการณ์ไม่เปลี่ยนแปลง แมนยูอาจต้องเผชิญกับการตัดสินใจครั้งใหญ่ในอนาคตอันใกล้

มุมมองระยะยาว

หากมองในภาพรวม การเสริมทัพและการสร้างทีมของอโมริมยังไม่อาจพิสูจน์ได้เต็มที่ เวลาคือสิ่งที่เขาต้องการ แต่ในขณะเดียวกันสโมสรและแฟนบอลต่างก็ไม่สามารถรอคอยได้อย่างไม่มีที่สิ้นสุด ฟุตบอลยุคใหม่คือธุรกิจที่ผลลัพธ์ต้องเกิดขึ้นทันตา การบริหารทีมจึงต้องเดินบนเส้นบางๆ ระหว่างความอดทนและการเปลี่ยนแปลง

แฟนบอลปีศาจแดงคงต้องจับตาดูสถานการณ์นี้อย่างใกล้ชิด ว่าสุดท้ายแล้วบอร์ดของแมนยูจะเลือกเส้นทางไหน ระหว่างยอมจ่ายหนักเพื่อปลด หรือยื้อเวลาเพื่อหวังปาฏิหาริย์ ติดตามความเคลื่อนไหวแบบเข้มข้นได้ที่ ข่าวกีฬาฟุตบอลบ้านกีฬา