ทีมชาติ อังกฤษ กลับมาส่งเสียงคำรามสะท้านเวทีโลกอีกครั้ง หลังบุกยำใหญ่ เซอร์เบีย คาบ้านด้วยสกอร์ขาดลอย 5-0 ในศึก ฟุตบอลโลก 2026 รอบคัดเลือก เมื่อคืนวันที่ 9 กันยายนที่ผ่านมา ทำสถิติชนะรวด 5 นัด เก็บ 15 แต้มเต็มแบบไร้ที่ติ พร้อมขยับเข้าใกล้ตั๋วรอบสุดท้ายกลางปีหน้ามากขึ้นเรื่อยๆ โดยเหลือต้องการอีกเพียง 5 แต้มเท่านั้น แถมยังมีประตูได้เสียเหนือกว่าคู่แข่งร่วมกลุ่มอย่างไม่ต้องลุ้นให้เหนื่อย
เจ้าถิ่นหวังพึ่งแข้งพรีเมียร์ลีก แต่ต้านไม่ไหว
ฝั่งเจ้าบ้าน เซอร์เบีย ภายใต้การคุมทีมของ ดราแกน สตอยโควิช เลือกใช้แข้งที่ค้าแข้งใน พรีเมียร์ลีก ถึง 3 รายเป็นแกนหลัก ไล่ตั้งแต่ผู้รักษาประตู ยอร์เย เปโตรวิช มือกาวบอร์นมัธ, กัปตันทีม นิโคล่า มิเลนโควิช กองหลังฟอเรสต์ และมิดฟิลด์ ซาซ่า ลูคิช ของฟูแล่ม นอกจากนี้ยังมี คอสตาส เนเดลจ์โควิช ที่ถูกยืมจากแอสตัน วิลล่าไปไลป์ซิกได้ลงตัวจริงเช่นกัน ส่วนหัวหอกเก๋าอย่าง อเล็กซานดาร์ มิโตรวิช มีชื่อเป็นตัวสำรอง
แม้จะจัดทัพหวังใช้ประสบการณ์จากลีกอังกฤษ แต่สุดท้ายก็ไม่อาจหยุดพลังเกมรุกของสิงโตคำรามได้เลย
โรเตชันสำเร็จ ทูเคิ่ลจัดทีมลงตัว
โธมัส ทูเคิ่ล เฮดโค้ชทีมชาติอังกฤษตัดสินใจโรเตชันถึง 4 ตำแหน่งจากเกมก่อน พบอันดอร์ร่า 2-0 โดยข่าวดีคือ มาร์ค เกฮี หายเจ็บขาหนีบกลับมายืนตัวจริงได้อีกครั้ง จับคู่กับ เอซรี่ คอนซ่า ที่ได้โอกาสแทน แดน เบิร์น ขณะที่แบ็กซ้ายส่ง ติโน่ ลิฟราเมนโต้ ลงแทน ลูอิส-สเคลลีย์
แดนกลางถึงแดนหน้า มอร์แกน โรเจอร์ส ได้เสียบแทน เอเบเรชี่ เอเซ่ ที่นัดก่อนยิงทิ้งขว้าง ขณะที่ แอนโธนี่ กอร์ดอน ได้ออกสตาร์ตแทน มาร์คัส แรชฟอร์ด ซึ่งฟอร์มตก ส่วนตัวสำรองมีเซอร์ไพรส์คือ จาเรลล์ ควานซาห์ กองหลังเลเวอร์คูเซ่นกลับมาติดทีมอีกครั้ง
สิงโตคำรามชอบงานใหญ่ บุกขยี้เหนือชั้น
ก่อนแข่ง หลายเสียงกังวลว่า อังกฤษอาจเจองานหิน เพราะนัดก่อนบุกใส่อันดอร์ร่าทั้งเกมยังยิงได้เพียงสองประตู แต่เกมนี้พวกเขากลับโชว์ให้เห็นถึงมาตรฐานแท้จริง ครองเกมเหนือกว่าเซอร์เบียตั้งแต่ต้น สุดท้ายก็ได้ประตูเบิกร่องจาก แฮร์รี่ เคน นาที 33 ก่อนที่ โนนี่ มาดูเอเก้ จะซัดเพิ่มอีกเม็ดช่วยนำห่าง 2-0 ตั้งแต่ครึ่งแรก
สถิติครองบอลครึ่งแรก อังกฤษกดดันหนัก 70.9% ต่อ 29.1% ยิงรวม 10 ครั้ง เข้ากรอบ 5 ครั้ง ต่างกับเซอร์เบียที่แทบไม่มีโอกาสเข้ากรอบเลย
คอนซ่า-เกฮี เปิดซิงประตูแรกในทีมชาติ
ครึ่งหลัง อังกฤษยังไม่ผ่อนเครื่อง นาที 52 เอซรี่ คอนซ่า ตามซ้ำพลาดของผู้รักษาประตูเจ้าบ้าน ยิงประตูแรกของตัวเองในสีเสื้อทีมชาติได้สำเร็จ ถัดมา มาร์ค เกฮี กองหลังจากพาเลซก็โขกเปิดซิงลูกแรกเช่นกัน ก่อนที่ มาร์คัส แรชฟอร์ด จะซัดจุดโทษปิดกล่อง 5-0 ในช่วงท้ายเกม
สถิติหลังจบเกมยิ่งตอกย้ำความเหนือชั้น อังกฤษครองบอล 69.8% ยิง 24 ครั้ง เข้ากรอบ 12 ครั้ง ส่วนเซอร์เบียทั้งเกมไม่ได้ยิงเข้ากรอบแม้แต่หนเดียว
พิคฟอร์ดแรงต่อเนื่อง เคนสร้างสถิติใหม่
ชัยชนะครั้งนี้ยังทำให้ จอร์แดน พิคฟอร์ด เก็บคลีนชีตติดต่อกันเป็นนัดที่ 7 ซึ่งถือเป็นผลงานระดับตำนานทัดเทียมกับ กอร์ดอน แบงค์ส ผู้ล่วงลับ ส่วน แฮร์รี่ เคน ก็กดประตูเกมเยือนใส่ทีมชาติต่างชาติครบ 16 ชาติ เทียบสถิติกับ เวย์น รูนีย์ เรียบร้อย
รายชื่อคลีนชีตของพิคฟอร์ดยิ่งตอกย้ำความเหนียวแน่น ตั้งแต่เกมกับกรีซ แอลเบเนีย ไปจนถึงล่าสุดกับเซอร์เบีย ทั้งหมดนี้สะท้อนว่าแนวรับอังกฤษกลับมาแข็งแกร่งจริงจังอีกครั้ง
มุมมองเชิงลึก: อังกฤษกำลังเข้าสู่ยุครุ่งเรือง?
ชัยชนะที่เบลเกรดไม่เพียงตอกย้ำมาตรฐานของทีมชาติอังกฤษ แต่ยังเป็นสัญญาณว่าทีมกำลังเดินหน้าเข้าสู่ยุครุ่งเรือง ทั้งขุมกำลังหนุ่มอย่าง กอร์ดอน, มาดูเอเก้, โรเจอร์ส ผสมกับแข้งเก๋าอย่าง เคน และไรซ์ ทำให้ทีมมีความสมดุลทั้งพลังหนุ่มและประสบการณ์ หากรักษามาตรฐานเช่นนี้ต่อไป มีโอกาสไม่น้อยที่อังกฤษจะก้าวไปถึงตำแหน่งแชมป์ในรอบสุดท้าย
แฟนบอลผู้ดีอาจจะเริ่มฝันถึงการล้างอาถรรพ์ที่รอคอยมาตั้งแต่ปี 1966 และนี่อาจเป็นทีมที่มีศักยภาพสูงสุดในรอบหลายทศวรรษ
ติดตามความมันส์ต่อที่ บ้านกีฬา
ชัยชนะ 5-0 เหนือเซอร์เบียคือการส่งสัญญาณชัดเจนว่า อังกฤษ พร้อมแล้วสำหรับเส้นทางสู่เวที ฟุตบอลโลก 2026 ที่สหรัฐฯ แคนาดา และเม็กซิโกร่วมเป็นเจ้าภาพ ติดตามทุกประเด็นเด็ด ข่าวบอลร้อนแรง และการวิเคราะห์เจาะลึกได้ที่ ข่าวกีฬาฟุตบอลบ้านกีฬา เพื่อไม่พลาดทุกจังหวะสำคัญของวงการลูกหนัง
