ลิเวอร์พูลทุ่มมหาศาลดึงเวียร์ตซ์
อูลี เฮอเนส ประธานกิตติมศักดิ์ของ บาเยิร์น มิวนิค ออกโรงตำหนิการใช้เงินของ ลิเวอร์พูล หลังยอมควักเงินถึง 136 ล้านยูโร (ราว 5,168 ล้านบาท) เพื่อคว้า ฟลอเรียน เวียร์ตซ์ เพลย์เมกเกอร์ทีมชาติเยอรมนีจาก ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น ในตลาดนักเตะซัมเมอร์ที่ผ่านมา การย้ายทีมครั้งนี้ถือเป็นหนึ่งในดีลที่สร้างแรงสั่นสะเทือนต่อวงการฟุตบอลยุโรป เพราะเวียร์ตซ์คือแข้งดาวรุ่งที่ถูกยกย่องว่ามีพรสวรรค์สูงสุดของเยอรมนีในยุคปัจจุบัน โดยก่อนหน้านี้ บาเยิร์น ก็ให้ความสนใจอย่างจริงจัง แต่สุดท้ายยอมถอยเพราะไม่พร้อมทุ่มเกิน 150 ล้านยูโรตามที่ เลเวอร์คูเซ่น ตั้งราคาไว้
“เราพอใจมากกับสิ่งที่เกิดขึ้นที่ บาเยิร์น เราคือผู้ชนะอย่างแท้จริงของตลาดนักเตะช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา ทีมของเราแข็งแกร่งอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องเสริมอะไรมาก แน่นอนว่า เราเองก็อยากได้ ฟลอเรียน เวียร์ตซ์ แต่เราจะไม่มีวันจ่ายถึง 150 ล้าน (ยูโร) เพื่อซื้อเขาแน่นอน”
– คำพูดของ เฮอเนส ที่ตอกย้ำถึงแนวทางการทำทีมที่เน้นความสมดุลทางการเงินมากกว่าการใช้เงินซื้อความสำเร็จ
นิวคาสเซิ่ลทุ่ม 90 ล้านคว้าโวลเทอมาเดอ
ไม่เพียงแต่ลิเวอร์พูลที่ถูกวิจารณ์ เฮอเนสยังหันไปเหน็บ นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด ที่กล้าทุ่มเงิน 90 ล้านยูโร (ประมาณ 3,420 ล้านบาท) คว้าตัว นิค โวลเทอมาเดอ กองหน้าร่างยักษ์ทีมชาติเยอรมนีจาก เฟาเอฟเบ สตุ๊ตการ์ท ทั้งที่ บาเยิร์น เคยยื่นข้อเสนอไปเพียง 55 ล้านยูโร แต่ถูกปฏิเสธเพราะ สตุ๊ตการ์ท เรียกร้องขั้นต่ำ 75 ล้านยูโร ก่อนที่ “สาลิกาดง” จะปิดดีลในราคาที่สูงเกินคาด
“เรายื่นข้อเสนอเงิน 55 ล้านยูโร เพื่อซื้อ นิค โวลเทอมาเดอ แต่ สตุ๊ตการ์ท ต้องการ 75 ล้านยูโร และสุดท้ายเขาย้ายไป นิวคาสเซิ่ล ในราคา 90 ล้านยูโร คือสิ่งที่ นิวคาสเซิ่ล ทำ มันไม่มีอะไรเกี่ยวกับฟุตบอลเลย ทุกวันนี้มันเหมือนเกมเกมเศรษฐีมากกว่า”
– คำพูดของ เฮอเนส ที่สะท้อนความไม่พอใจต่อการเปลี่ยนแปลงของตลาดนักเตะ
ตลาดซื้อขายที่เปลี่ยนเป็นสนามเงินทุน
การเคลื่อนไหวดังกล่าวสะท้อนภาพชัดเจนว่า ตลาดนักเตะยุคปัจจุบันไม่ได้ถูกขับเคลื่อนด้วยฟุตบอลเพียงอย่างเดียว แต่เต็มไปด้วยการแข่งขันด้านเงินทุน ทีมที่มีเจ้าของร่ำรวยหรือได้รับการสนับสนุนจากทุนมหาศาลสามารถปิดดีลระดับบิ๊กเนมได้อย่างไม่ยากเย็น ทำให้โครงสร้างการแข่งขันเริ่มบิดเบี้ยว และเพิ่มช่องว่างระหว่างสโมสรที่มั่งคั่งกับทีมระดับกลางหรือเล็ก
มุมมองนักข่าวและแฟนบอล
สิ่งที่เฮอเนสพูดแม้จะเป็นการเหน็บแนมคู่แข่ง แต่ก็สะท้อนความจริงที่แฟนบอลจำนวนมากมองเห็น การทุ่มเงินเกิน 100 ล้านยูโรไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่อีกต่อไปในพรีเมียร์ลีกหรือทีมทุนใหญ่จากยุโรป มันทำให้มูลค่าของผู้เล่นถูกผลักดันจนเกินความเป็นจริง และเสี่ยงที่จะทำให้ฟุตบอลสูญเสียสมดุลในระยะยาว
ประเด็นที่ยังคงอยู่ตลอดกาล
ไม่ว่ากี่ยุคกี่สมัย คำถามใหญ่ที่แฟนบอลยังถกเถียงกันเสมอคือ ฟุตบอลควรยึดหลักคุณค่าทางกีฬา หรือยอมรับการขับเคลื่อนด้วยเงินตราเป็นตัวกำหนด กรณีของเวียร์ตซ์และโวลเทอมาเดอ คือเครื่องพิสูจน์ว่าตลาดซื้อขายยังคงร้อนแรงและไม่มีทีท่าจะชะลอลง และเมื่อสถิติการทุ่มเงินยังถูกทำลายซ้ำแล้วซ้ำเล่า ก็ทำให้อนาคตของวงการลูกหนังถูกตั้งคำถามว่ากำลังมุ่งหน้าไปในทิศทางใด
สรุป
เสียงวิจารณ์ของ อูลี เฮอเนส อาจถูกมองว่าเป็นการปกป้องจุดยืนของบาเยิร์น แต่ก็ไม่อาจปฏิเสธได้ว่าตลาดซื้อขายกำลังถูกทุนมหาศาลครอบงำอย่างชัดเจน ฟุตบอลกำลังเดินเข้าสู่ยุคที่สโมสรใดมีเงินมากกว่าย่อมมีโอกาสประสบความสำเร็จมากกว่า และนี่คือความจริงที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ แฟนบอลทั่วโลกคงต้องจับตามองว่าเส้นทางของเวียร์ตซ์กับลิเวอร์พูล และโวลเทอมาเดอกับนิวคาสเซิ่ล จะคุ้มค่ากับเม็ดเงินมหาศาลที่ถูกจ่ายไปหรือไม่ ติดตามความเคลื่อนไหวฟุตบอลเข้มข้นได้ที่ ข่าวกีฬาฟุตบอลบ้านกีฬา
