
สิงโตคำรามคืนฟอร์มโหด ชนะรวด 4 นัดคัดบอลโลก
โธมัส ทูเคิ่ล กุนซือชาวเยอรมนีของทีมชาติอังกฤษ กำลังทำผลงานได้อย่างร้อนแรงในศึก ฟุตบอลโลก 2026 รอบคัดเลือก หลังพา “สิงโตคำราม” เดินหน้าคว้าชัยชนะ 4 นัดรวด โดยเกมล่าสุดเปิดสนามวิลล่า พาร์ค เอาชนะอันดอร์ร่าแบบไม่หวือหวา 2-0 แม้สกอร์จะดูเรียบง่าย แต่สิ่งที่แฟนบอลต้องจับตาไม่ใช่เพียงผลการแข่งขัน ทว่าคือทิศทางแท็กติกใหม่ที่กำลังจะกลับมามีชีวิตอีกครั้ง
ทูเคิ่ลเตรียมคืนชีพฟุตบอลอังกฤษสไตล์ดั้งเดิม
จากการให้สัมภาษณ์กับสื่อเมื่อวันที่ 7 กันยายนที่ผ่านมา ทูเคิ่ลได้เปิดเผยแนวคิดสำคัญว่าเขากำลังวางแผน นำการเล่นบอลโยนยาวและการทุ่มไกล ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ดั้งเดิมของฟุตบอลอังกฤษ กลับมาเป็นอาวุธเด็ดในการลุยทัวร์นาเมนต์ใหญ่ โดยเขาเชื่อว่าแท็กติกที่หลายคนมองว่าล้าสมัยนี้ อาจกลายเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญพาอังกฤษสร้างความได้เปรียบเหนือคู่แข่ง
คำพูดชัดเจนจากปากกุนซือ
“ผมขอบอกกับคุณเลยว่าการทุ่มลูกไกลกลับมาแล้ว แต่เรายังไม่มีเวลาซ้อมกันมากนัก ทันทีที่เราได้เข้ารอบสุดท้ายฟุตบอลโลก ทุกอย่างจะมีความสำคัญ ดังนั้นเราจะคุยกันถึงลูกทุ่มไกล เราจะคุยกันถึงการเตะบอลยาวจากผู้รักษาประตู และไม่เล่นแค่ลูกสั้นเท่านั้น
เราไม่สามารถซ้อมทั้งหมดได้ในเวลาสี่วัน แต่มันเป็นสิ่งที่สำคัญ และเราจะได้เห็นกัน
ตอนนี้ผมจำเป็นต้องบอกกับผู้ช่วยของผม แพทเทิร์นทั้งหมดจะกลับมารวมทั้งการโยนบอลยาว”
ตัวเลขชี้ชัดความต่าง
หากมองจากสถิติ อังกฤษภายใต้การคุมทีมของทูเคิ่ลใช้บอลยาวเพียง 4% ในรอบคัดเลือกบอลโลก ขณะที่ยุคของแกเร็ธ เซาธ์เกต กุนซือคนก่อนหน้าในการทำศึกยูโร 2024 ใช้การเล่นบอลยาวมากถึง 8.8% ความแตกต่างนี้สะท้อนให้เห็นชัดเจนว่า ทูเคิ่ลกำลังเลือกใช้เกมบุกที่ยึดการครองบอลและต่อบอลสั้นเป็นหลัก แต่ในอนาคต เขากำลังจะดึง “อาวุธลับโบราณ” กลับมาเพื่อเพิ่มมิติใหม่ให้ทีม
เหตุผลที่แท็กติกนี้อาจกลายเป็นอาวุธสำคัญ
การทุ่มไกลและโยนยาวอาจถูกมองว่าล้าสมัย แต่ในฟุตบอลโลกที่เต็มไปด้วยแรงกดดันและจังหวะเกมที่เข้มข้น แท็กติกเหล่านี้สามารถเปลี่ยนผลลัพธ์ในชั่วพริบตา การสร้างโอกาสจากจังหวะเซตพีซและการเล่นลูกกลางอากาศยังคงเป็นจุดแข็งของนักเตะอังกฤษที่ขึ้นชื่อเรื่องพละกำลังและเกมโหม่ง ความสามารถนี้หากถูกใช้ในเวลาที่เหมาะสม อาจทำให้ “สิงโตคำราม” กลายเป็นทีมที่คู่แข่งยากจะรับมือ
ฟุตบอลอังกฤษในมุมประวัติศาสตร์
ฟุตบอลอังกฤษในอดีตมีชื่อเสียงเรื่อง การเล่นบอลโยนยาว และสไตล์ดุดันที่เรียกว่า “Kick and Rush” ซึ่งสร้างความแตกต่างบนเวทีโลก การหวนกลับไปใช้แนวทางดังกล่าวไม่เพียงแต่เป็นการเชื่อมโยงรากเหง้าของเกม แต่ยังเป็นการเพิ่มตัวเลือกให้ทีมชาติอังกฤษมีมิติในการเล่นมากขึ้น ไม่ยึดติดเพียงการต่อบอลสั้นแบบสมัยใหม่ที่หลายทีมทั่วโลกกำลังแข่งขันกันใช้
สิ่งที่แฟนบอลต้องติดตามต่อไป
การประกาศชัดเจนของทูเคิ่ลครั้งนี้ ทำให้แฟนบอลอังกฤษทั่วโลกต่างจับตาว่าในเกมต่อไป โดยเฉพาะแมตช์บุกเยือนเซอร์เบีย เขาจะเริ่มทดลองใช้แท็กติกนี้หรือไม่ และนักเตะอังกฤษจะตอบสนองกับแผนการเล่นที่โฟกัสการทุ่มไกลและโยนยาวได้อย่างไร หากทุกอย่างเข้าที่เข้าทาง เราอาจได้เห็นการกลับมาของ “อังกฤษสายดั้งเดิม” ที่พร้อมเขย่าบอลโลกอีกครั้ง
มุมมองที่ไม่ควรมองข้าม
ฟุตบอลไม่เคยหยุดพัฒนา แต่บางครั้งการหันกลับไปใช้สิ่งที่เคยได้ผลก็อาจกลายเป็นกุญแจสำคัญในการก้าวไปข้างหน้า สำหรับทีมชาติอังกฤษ นี่อาจเป็นการผสมผสานระหว่างเกมบุกทันสมัยและสไตล์โบราณที่ทรงพลัง เพื่อสร้างทีมที่สมบูรณ์และยากต่อการถูกจับทาง
ติดตามทุกความเคลื่อนไหว
การเดินทางสู่ ฟุตบอลโลก 2026 ของทัพสิงโตคำรามเพิ่งเริ่มต้น แต่การตัดสินใจของทูเคิ่ลในการคืนชีพแท็กติกเก่าแก่ กำลังกลายเป็นหัวข้อที่แฟนบอลถกเถียงกันอย่างเข้มข้น ติดตามทุกความเคลื่อนไหว ข่าวบอลเดือด และบทวิเคราะห์จัดเต็มได้ที่ ข่าวกีฬาฟุตบอลบ้านกีฬา