
ประเทศไทยกำลังเผชิญหน้ากับสถานการณ์อากาศที่ตึงเครียดอีกครั้ง เมื่อ กรมอุตุนิยมวิทยาออกประกาศฉบับที่ 3 เรื่อง “พายุดีเปรสชัน” ก่อตัวในบริเวณทะเลจีนใต้ตอนบน แม้เส้นทางพายุครั้งนี้จะไม่พาดตรงเข้าสู่ไทยโดยตรง แต่กลับส่งแรงเสริมให้ มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ ที่ปกคลุมประเทศมีกำลังแรงขึ้น ส่งผลให้ ฝนตกหนักถึงหนักมากในหลายจังหวัด รวมถึงกรุงเทพมหานครที่ต้องเตรียมรับมือฝนถล่มกว่า 80%
พายุลูกใหม่ “ดีเปรสชัน” กำลังคืบสู่จีนใต้
เมื่อเวลา 16.00 น. ของวันที่ 6 กันยายน 2568 พายุลูกใหม่ก่อตัวขึ้นบริเวณทะเลจีนใต้ตอนบน โดยมีศูนย์กลางอยู่ที่ละติจูด 18.0 องศาเหนือ ลองจิจูด 116.0 องศาตะวันออก ความเร็วลมสูงสุดใกล้ศูนย์กลางราว 55 กม./ชม. เคลื่อนตัวไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ คาดว่าจะขึ้นฝั่งประเทศจีนตอนใต้ช่วง 8–9 กันยายนนี้
แม้ พายุไม่เข้าสู่ประเทศไทยโดยตรง แต่กลับทำให้มรสุมที่พัดปกคลุมไทยแรงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ นี่คือเหตุผลว่าทำไมหลายพื้นที่จึงต้องเผชิญฝนหนัก โดยเฉพาะจังหวัดในภาคตะวันออก ภาคกลางตอนล่าง และภาคใต้บางส่วน
พิกัด 45 จังหวัดรับมือฝนถล่ม
กรมอุตุฯ ระบุชัดว่าในรอบนี้ 45 จังหวัด ทั่วประเทศมีโอกาสสูงที่จะเจอฝนตกหนักถึงหนักมาก โดยเฉพาะพื้นที่เสี่ยงอันตรายจาก น้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และดินถล่ม ได้แก่
- ภาคเหนือ: ตาก กำแพงเพชร พิษณุโลก พิจิตร เพชรบูรณ์
- ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ: ชัยภูมิ ขอนแก่น ร้อยเอ็ด มหาสารคาม ยโสธร อำนาจเจริญ นครราชสีมา บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ อุบลราชธานี
- ภาคกลาง: นครสวรรค์ สุพรรณบุรี สิงห์บุรี ลพบุรี สระบุรี พระนครศรีอยุธยา กาญจนบุรี ราชบุรี นครปฐม สมุทรสาคร
- ภาคตะวันออก: นครนายก ปราจีนบุรี สระแก้ว ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ระยอง จันทบุรี ตราด
- ภาคใต้ฝั่งตะวันตก: ระนอง พังงา ภูเก็ต กระบี่
ส่วนกรุงเทพฯ และปริมณฑลต้องเตรียมรับมือฝนตกหนักมาก ร้อยละ 80 ของพื้นที่ มีความเสี่ยงเกิดน้ำท่วมขังทันทีในเขตชุมชนเมือง
ภัยซ้อนจากคลื่นลมแรง
ไม่เพียงแค่ฝนหนักเท่านั้น พายุยังดันให้ คลื่นลมในทะเลอันดามันและอ่าวไทย มีกำลังแรงขึ้น โดยคลื่นสูง 2 เมตร และมากกว่า 2 เมตรในจุดที่มีฝนฟ้าคะนอง ชาวเรือจึงต้องใช้ความระมัดระวังสูงสุด และหลีกเลี่ยงการออกเรือหากไม่จำเป็น
เหตุผลที่ไทยต้องจับตาพายุเสมอ
แม้ครั้งนี้พายุไม่เข้าไทยโดยตรง แต่ประเทศไทยตั้งอยู่ในเขตภูมิอากาศร้อนชื้นที่ได้รับอิทธิพลจาก ลมมรสุมและพายุหมุนเขตร้อน อยู่เป็นประจำ โดยสถิติพบว่าทุกปีจะมีพายุหลายลูกที่ส่งผลกระทบทางอ้อม เช่น ทำให้ฝนตกหนักในวงกว้าง สร้างความเสียหายต่อการเกษตร การเดินทาง และเศรษฐกิจ
คนไทยจึงควรหมั่นติดตามประกาศจากกรมอุตุนิยมวิทยาอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะในช่วงเดือนมิถุนายนถึงตุลาคมที่เป็นฤดูฝนและมักจะเกิดพายุบ่อยครั้ง
เคล็ดลับรับมือ “ฝนถล่ม-พายุเข้าไทย”
เพื่อความปลอดภัย บ้านกีฬา แนะนำให้ประชาชนเตรียมตัวดังนี้
- ตรวจสอบ สภาพอากาศรายวัน ก่อนออกเดินทาง
- หลีกเลี่ยงการขับขี่เส้นทางที่มีน้ำท่วมขังหรือใกล้ทางน้ำ
- เตรียม อุปกรณ์ยังชีพ เช่น ไฟฉาย ยารักษาโรค และอาหารแห้ง
- สำหรับชาวประมงและผู้ที่ทำงานกลางแจ้ง ควรหลีกเลี่ยงกิจกรรมในช่วงฝนฟ้าคะนองและคลื่นแรง
การตื่นตัวและเตรียมพร้อมจะช่วยลดความสูญเสียได้อย่างมาก แม้พายุไม่เข้าไทย แต่ฝนถล่มหนักก็สร้างความเสียหายได้ไม่แพ้กัน
สรุป
พายุดีเปรสชันลูกใหม่ในทะเลจีนใต้ครั้งนี้ อาจไม่พุ่งตรงเข้าสู่ประเทศไทย แต่พลังเสริมจากมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ทำให้หลายพื้นที่ต้องเผชิญฝนถล่มหนัก โดยเฉพาะกรุงเทพฯ และอีก 45 จังหวัดทั่วประเทศ สิ่งสำคัญคือประชาชนต้องไม่ประมาท ติดตามข่าวสารอย่างใกล้ชิด และเตรียมพร้อมรับมือทุกสถานการณ์ เพื่อความปลอดภัยของตัวเองและครอบครัว
ขอบคุณรูปภาพจาก กรมอุตุนิยมวิทยา
ติดตาม ข่าวเด่น ข่าววันนี้ ที่ ข่าวการค้นหาที่มาแรงบ้านกีฬา อัปเดตทุกเรื่องราวสำคัญ ครบถ้วน และน่าเชื่อถือที่สุด