
สถานการณ์การเมืองไทยกลับมาเข้มข้นอีกครั้งเมื่อหลังจาก นายกรัฐมนตรีคนที่ 31 หลุดเก้าอี้ สังคมกำลังจับตาการก้าวขึ้นสู่ตำแหน่ง “นายกรัฐมนตรีคนที่ 32” ของประเทศ ซึ่งไม่ได้เป็นเพียงการเปลี่ยนตัวผู้นำ แต่ยังหมายถึงทิศทางใหม่ของการพัฒนาเศรษฐกิจ การลงทุน และความเชื่อมั่นของประชาชนและนักลงทุนทั่วโลก
เอกชนจี้เร่งตั้งรัฐบาลใหม่
เสียงสะท้อนจากภาคเอกชนชัดเจนว่า หากการเมืองยืดเยื้อและไม่มีความแน่นอน ย่อมส่งผลต่อ เศรษฐกิจไทย โดยตรง ทั้งการลงทุนภาคธุรกิจและการใช้จ่ายของประชาชน ล่าสุด นายประเสริฐ แต่ดุลยสาธิต นายกสมาคมอาคารชุดไทย เปิดเผยว่า แม้การเปลี่ยนแปลงผู้นำรัฐบาลจะไม่เหนือความคาดหมาย แต่สิ่งที่สำคัญคือการฟื้นฟูความเชื่อมั่นให้เกิดขึ้นโดยเร็ว เพราะช่วงเวลานี้ถือเป็น “จุดเปราะบาง” ของเศรษฐกิจไทย
ภาคอสังหาริมทรัพย์ชี้ชัดว่า ปัญหาหนี้ครัวเรือนกว่า 13.5 ล้านล้านบาท ต้องการรัฐบาลใหม่มาสานต่อทันที โดยเฉพาะแผนแก้หนี้บ้านกว่า 5 ล้านล้านบาท ที่ต้องการมาตรการเร่งด่วน เช่น ปรับปรุง พ.ร.บ.ธอส. เพื่อรวมหนี้ ปล่อยสินเชื่อเพิ่มเติมให้ลูกหนี้ที่ชำระดี หรือแม้แต่การผลักดัน Mortgage Insurance เพื่อช่วยผู้ซื้อบ้านไม่ให้ถูกปฏิเสธสินเชื่อ
ยุบสภา – ทางออกการเมืองหรือจุดเริ่มต้นใหม่?
หลายฝ่ายมองว่า “การยุบสภา” และคืนอำนาจให้ประชาชนเลือกตั้งใหม่ อาจเป็นคำตอบของการรีเซตระบบการเมือง เพื่อฟื้นฟูความเชื่อมั่นทั้งประชาชนและนักลงทุน แต่ในระยะสั้น รัฐบาลใหม่ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตามยังอาจทำอะไรได้ไม่มาก เนื่องจากข้อจำกัดทางเวลาและงบประมาณที่เหลืออยู่
โจทย์ใหญ่รอรัฐบาลใหม่
สิ่งที่ “นายกคนที่ 32” และทีมเศรษฐกิจต้องเร่งจัดการทันที คือการแก้ปัญหาที่กดทับประชาชนอยู่ในปัจจุบัน ได้แก่
- ค่าครองชีพสูง รายได้ไม่พอรายจ่าย
- หนี้ครัวเรือนสะสม ที่ยังเพิ่มขึ้นหลังโควิด
- การส่งออกและท่องเที่ยวชะลอตัว ซึ่งเคยเป็นเครื่องยนต์หลักของเศรษฐกิจ
- ความไม่แน่นอนจากการค้าระหว่างประเทศ เช่น ภาษีตอบโต้จากสหรัฐฯ ที่อาจกระทบการนำเข้าและการส่งออก
นอกจากนี้ การใช้งบประมาณปี 2569 ก็เป็นอีกโจทย์สำคัญ หากไม่มีรัฐบาลใหม่ที่พร้อมใช้งบอย่างทันท่วงที อาจทำให้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจสะดุด ซึ่งจะยิ่งซ้ำเติมความกังวลของประชาชน
ความหวังของประชาชน
ประชาชนคาดหวังว่า นายกรัฐมนตรีคนที่ 32 จะไม่เพียงเข้ามาเพื่อรักษาเสถียรภาพทางการเมือง แต่จะต้องมาพร้อมกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ชัดเจนและเป็นรูปธรรม ไม่ว่าจะเป็นการช่วยเหลือด้านค่าครองชีพ มาตรการลดหนี้ครัวเรือน การผลักดันการลงทุน และการฟื้นฟูความเชื่อมั่นในตลาดโลก
บทสรุป
การมาของ นายกรัฐมนตรีคนใหม่ คือจุดเปลี่ยนสำคัญของประเทศ ขึ้นอยู่กับว่าเขาจะสามารถสร้างความเชื่อมั่นและความเป็นเอกภาพให้การเมืองไทยได้หรือไม่ เพราะความชัดเจนทางการเมืองคือกุญแจสำคัญที่จะปลดล็อกเศรษฐกิจไทยในครึ่งหลังของปี 2568 บ้านกีฬา เชื่อว่าทุกสายตากำลังจับตาดูผู้นำคนใหม่ว่าจะพาประเทศผ่านวิกฤตนี้ไปได้อย่างไร
ติดตาม ข่าวเด่น ข่าววันนี้ ได้ที่ ข่าวการค้นหาที่มาแรงบ้านกีฬา