
การเมืองไทยกำลังร้อนแรงเหมือนอยู่กลางเวทีชิงแชมป์ เมื่อ ศาลรัฐธรรมนูญมีมติให้ “แพทองธาร ชินวัตร” พ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี กลายเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้ตำแหน่งนายกฯ ว่างลงทันที ส่งผลให้สองขั้วการเมืองใหญ่ พรรคเพื่อไทย (พท.) และ พรรคภูมิใจไทย (ภท.) เร่งเดินเกมแข่งกันเพื่อกุมอำนาจบริหารประเทศ
เสียงของประชาชนต่างจับตาไปที่ “อนุทิน ชาญวีรกูล” หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ที่ถูกมองว่าเป็นม้ามืดและกำลังขึ้นแท่นเป็นตัวเต็งนายกรัฐมนตรีคนใหม่ หลังเดินเกมรวดเร็วและมีกลยุทธ์ที่เหนือชั้นกว่าคู่แข่งหลายขุม
คำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ จุดชนวนการเมืองร้อน
คำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญ 6 ต่อ 3 ที่ชี้ว่า “แพทองธาร” กระทำผิดจริยธรรมร้ายแรง จากกรณีคลิปเสียงกับ สมเด็จฮุน เซน ถือเป็นหมุดหมายสำคัญ ศาลชี้ชัดว่าการกระทำดังกล่าวไม่ใช่การทูต แต่เป็นการเห็นแก่ประโยชน์ส่วนตัว จนบั่นทอนเกียรติภูมิของนายกรัฐมนตรีและประเทศชาติ ทำให้ประชาชนหมดความเชื่อมั่น
การตัดสินนี้ทำให้ ครม. ทั้งชุดต้องพ้นจากตำแหน่ง และเปิดฉากเกมใหม่ของการจัดตั้งรัฐบาล ซึ่งบรรดาพรรคการเมืองต่างเร่งหาพันธมิตรและขั้วเสียงเพื่อช่วงชิงการนำ
ภูมิใจไทยเดินเกมเร็ว “อนุทิน” กวาดแต้มการเมือง
หลังศาลตัดสินเพียงไม่กี่ชั่วโมง ความเคลื่อนไหวของพรรคภูมิใจไทยชัดเจนและเข้มข้นทันที มีการต้อนรับ ส.ส. จากหลายพรรค โดยเฉพาะกลุ่มของ สุชาติ ชมกลิ่น จากพรรครวมไทยสร้างชาติ ที่ถือเป็นกองกำลังสนับสนุนสำคัญ
แหล่งข่าวการเมืองระบุว่า ภท. เดินเกมลับตั้งแต่ก่อนคำตัดสิน และสามารถรวมเสียงสนับสนุนได้มากถึง 270 เสียง ซึ่งมากพอที่จะจัดตั้งรัฐบาลใหม่โดยมีอนุทินเป็นผู้นำ ขณะที่แกนนำพรรคประชาชน (ปชน.) และพรรคกล้าธรรม ต่างออกมายืนยันว่าพร้อมสนับสนุน หากเงื่อนไขทางการเมืองบางข้อได้รับการตอบสนอง
เพื่อไทยเสียจังหวะ แคนดิเดตนายกฯ ยังไม่มั่นใจ
ด้านพรรคเพื่อไทย แม้จะยังมี “ชัยเกษม นิติสิริ” เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี แต่เสียงภายในพรรคยังไม่มั่นใจพอ หลายกลุ่มยังลังเลและไม่พร้อมสนับสนุนเต็มที่ แถมการแถลงข่าวพรรคร่วมรัฐบาลเดิมก็ไม่ครบองค์ โดยเฉพาะการขาดพรรคกล้าธรรมและกลุ่มสุชาติ ทำให้พท. อยู่ในจุดเสียเปรียบ
อย่างไรก็ตาม การเมืองไทยไม่เคยหยุดนิ่ง หาก “ทักษิณ ชินวัตร” พลิกเกมด้วยการล็อบบี้เปิดดีลใหม่ เช่น การเสนอชื่อบุคคลกลางอย่าง “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีขัดตาทัพ สถานการณ์อาจพลิกกลับไปอยู่ในมือเพื่อไทยอีกครั้ง
เงื่อนไขพรรคประชาชน จุดชี้ขาดการจัดตั้งรัฐบาล
หัวหน้าพรรคประชาชน ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ ประกาศชัดว่า พรรคพร้อมเลือกนายกฯ คนใหม่ แต่มี 3 เงื่อนไขหลักคือ
- นายกฯ ต้องยุบสภาภายใน 4 เดือนเพื่อเลือกตั้งใหม่
- ครม. ชุดใหม่ต้องเร่งทำประชามติแก้รัฐธรรมนูญ 2560
- พรรค ปชน. จะไม่เข้าร่วมรัฐบาล แต่จะเป็นฝ่ายค้านตรวจสอบเต็มที่
การที่อนุทินยอมรับเงื่อนไขเหล่านี้ทั้งหมด ทำให้กระแสสนับสนุน ภท. พุ่งแรงกว่าที่เคย
“อนุทิน” พร้อมจัดตั้งรัฐบาลเฉพาะกิจ
ล่าสุด นายอนุทินประกาศชัดว่า พร้อมเป็นนายกรัฐมนตรี และจัดตั้งรัฐบาลเฉพาะกิจ เพื่อแก้ปัญหาประเทศอย่างเร่งด่วน โดยตั้งกรอบ 4 เดือนก่อนยุบสภา เปิดทางให้ประชาชนเลือกตั้งใหม่
การเดินเกมเร็ว บวกกับภาพการพบปะกับนักธุรกิจและนักการเมืองหลากขั้ว ยิ่งตอกย้ำว่าอนุทินคือคนที่เตรียมพร้อมที่สุดในเวลานี้
บทเรียนทางการเมือง: ประชาชนได้อะไร?
แม้การแย่งชิงอำนาจจะดูเป็นเกมของนักการเมือง แต่สิ่งที่ประชาชนต้องไม่ลืมคือ การมีรัฐบาลที่มั่นคงและโปร่งใส คือหัวใจสำคัญของประเทศ การจัดตั้งรัฐบาลเฉพาะกิจก็อาจเป็นทางออกในช่วงวิกฤต หากทำเพื่อประโยชน์ส่วนรวมจริงๆ
และนี่คือสิ่งที่สะท้อนว่า “การเมืองไทยไม่มีอะไรแน่นอน” วันนี้ใครเป็นต่อ วันพรุ่งนี้อาจกลายเป็นรอง เพราะทุกอย่างขึ้นอยู่กับการต่อรอง เสียงสนับสนุน และความไว้วางใจจากประชาชน
สรุป: เกมนี้อนุทินนำ แต่ยังไม่จบ
ณ เวลานี้ เกมการเมืองชี้ชัดว่า “อนุทิน” และพรรคภูมิใจไทยเป็นฝ่ายได้เปรียบเหนือเพื่อไทย แต่การเมืองไทยก็ไม่ต่างจากการแข่งขันฟุตบอลในสนามใหญ่ นาทีสุดท้ายยังเปลี่ยนผลลัพธ์ได้เสมอ
ประชาชนจึงต้องติดตามอย่างใกล้ชิดว่า สุดท้ายแล้วใครจะได้สิทธิ์จัดตั้งรัฐบาล และจะสามารถพาประเทศเดินหน้าไปได้จริงหรือไม่
ติดตาม ข่าวเด่น ข่าววันนี้ ได้ที่ ข่าวการค้นหาที่มาแรงบ้านกีฬา