
สถานการณ์ของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในช่วงออกสตาร์ตศึก พรีเมียร์ลีก 2025/26 ไม่สวยงามอย่างที่คาด หลังผ่านไป 2 เกมยังไม่สามารถคว้าชัยชนะได้เลย เก็บได้เพียง 1 แต้ม แถมฟอร์มการเล่นยังเต็มไปด้วยคำถามถึงแนวทางของ รูเบน อโมริม กุนซือวัย 40 ปี ที่เข้ามาคุมทีมตั้งแต่ปลายปีที่แล้วแต่ยังไม่อาจทำให้ทีมกลับมาน่าเกรงขามได้ บทวิเคราะห์นี้จะพาไปเจาะ 4 ปัญหาหนักที่นายใหญ่โปรตุกีสต้องเร่งแก้ไข หากไม่อยากให้เก้าอี้ร้อนจนสั่นสะเทือนก่อนถึงครึ่งซีซั่น
ผลงานน่าห่วง ไร้ชัยชนะ 2 นัดรวด
ในเกมเปิดซีซั่น แมนฯ ยูไนเต็ด พ่ายคารังให้กับ อาร์เซน่อล 0-1 แม้รูปเกมดูเหนือกว่า แต่จังหวะเข้าทำกลับไร้ประสิทธิภาพ ส่วนนัดถัดไปแม้จะได้ประตูนำจากความผิดพลาดของกองหลังฟูแล่มที่สกัดเข้าประตูตัวเอง แต่สุดท้ายก็โดนตีเสมอ 1-1 จนจบด้วยการแบ่งแต้ม นี่คือการออกสตาร์ตที่น่าผิดหวังสำหรับทีมที่ลงทุนเสริมทัพในตลาดซัมเมอร์ไปไม่น้อย และยังเป็นการตอกย้ำสถิติเลวร้ายของอโมริม ที่เก็บได้เพียง 28 แต้มจาก 29 เกมในพรีเมียร์ลีก คิดเป็นอัตราชนะเพียง 24.7% เท่านั้น
ระบบ 3-4-3 ไม่เวิร์ก ต้องกล้าเปลี่ยน
แผนการเล่น 3-4-3 ที่อโมริมยึดถือจากสมัยคุมสปอร์ติ้ง ลิสบอน อาจไม่เหมาะกับขุมกำลังที่มีอยู่ในโอลด์ แทรฟฟอร์ด ปัญหาชัดคือแนวรับที่เปราะบางและการครองเกมที่ไม่แน่นอน ทำให้คู่แข่งโจมตีได้ง่ายเกินไป หลายเสียงจากกูรู รวมถึงแฟนบอล ต่างชี้ว่า แมนยูควรหันมาใช้แผนหลังสี่ ที่จะช่วยให้ทั้งแผงหลังมั่นคงขึ้นและเปิดโอกาสให้ปีกธรรมชาติสร้างเกมรุกได้มากกว่า แม้กระทั่ง ฌอน ไดช์ ยังมั่นใจว่าหากได้คุมทีมชุดนี้ในระบบ 4-4-2 จะทำแต้มได้มากกว่าอโมริม ปัญหาคือกุนซือชาวโปรตุเกสยังดื้อรั้นที่จะไม่ยอมเปลี่ยนแผน และหากไม่คิดยืดหยุ่น เส้นทางคุมทัพในโรงละครแห่งความฝันอาจจบเร็วกว่าที่คิด
กล้าใช้ เบนจามิน เซสโก้ เป็นตัวจริง
อีกหนึ่งปัญหาที่ถูกวิจารณ์อย่างหนักคือการไม่ส่ง เบนจามิน เซสโก้ ดาวยิงร่างยักษ์ทีมชาติสโลวีเนียลงสนามเป็นตัวจริง แม้เจ้าตัวย้ายมาจาก ไลป์ซิก ด้วยความคาดหวังสูง อโมริมให้เหตุผลว่านักเตะยังไม่ฟิตเต็มร้อยและต้องปรับตัว แต่การดันให้ เมสัน เมาท์ เล่นเป็นกองหน้าตัวหลอก กลับไม่สามารถสร้างความอันตรายได้เลย ยิ่งเมื่อเทียบกับกรณีของ วิคตอร์ โยเคเรส ที่แม้เริ่มต้นไม่ดี แต่เมื่อได้โอกาสเป็นตัวจริงกับอาร์เซน่อลก็ระเบิดฟอร์มยิงสองเม็ดในเกมถล่มลีดส์ 5-0 ยิ่งทำให้แฟนบอลผีแดงตั้งคำถามว่าเหตุใดกองหน้าคนใหม่ถึงไม่ได้โอกาส การกล้าใช้เซสโก้ตั้งแต่เริ่มเกม น่าจะช่วยปลดล็อกเกมรุกที่ฝืดเคืองได้ดีกว่าการดันกองกลางไปยืนผิดตำแหน่ง
ปัญหานายทวารที่ยังไม่ลงตัว
ตำแหน่งผู้รักษาประตูยังคงเป็นบาดแผลใหญ่ หลัง อัลตาย บายินดีร์ แสดงความไม่น่าไว้วางใจในสองนัดแรก เช่นเดียวกับ อ็องเดร โอนาน่า ที่เคยทำพลาดจนเสียความมั่นใจ สโมสรจึงเร่งหาทางเลือกใหม่ และมีข่าวว่าใกล้ได้ตัว เซนเน่อ ลัมเมนส์ จาก รอยัล อันทเวิร์ป มาร่วมทีม แม้ชื่อชั้นและประสบการณ์อาจไม่เทียบเท่ามือกาวระดับโลกอย่าง เอมิเลียโน่ มาร์ติเนซ หรือ จานลุยจิ ดอนนารุมม่า แต่ค่าตัวและค่าเหนื่อยที่ถูกกว่าอาจเป็นทางออกที่เหมาะสม อย่างไรก็ตาม คำถามใหญ่คือ ลัมเมนส์ จะสามารถยกระดับแนวรับของแมนยูให้กลับมาเหนียวแน่นได้จริงหรือไม่
ปลุกศักยภาพ ค็อบบี้ เมนู
แฟนบอลหลายคนต่างสงสัยว่าทำไม ค็อบบี้ เมนู มิดฟิลด์ดาวรุ่งพุ่งแรงของทีมถึงถูกจับนั่งสำรองสองเกมติด ทั้งที่แดนกลางของทีมมีปัญหาอย่างเห็นได้ชัด กาเซมีโร่ และ มานูเอล อูการ์เต้ ไม่สามารถคุมจังหวะเกมได้ ขณะที่อโมริมกลับบอกว่าเมนูต้องแย่งตำแหน่งกับ บรูโน่ แฟร์นันด์ส ทั้งที่จริงแล้วนักเตะทั้งสองมีสไตล์การเล่นแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง เมนูเป็นกองกลางเชิงรับที่สามารถเพิ่มพลังหนุ่มให้ทีม ในขณะที่บรูโน่เป็นจอมทัพสร้างสรรค์เกม หากอโมริมกล้าใช้คู่ผสมนี้ร่วมกัน อาจช่วยให้แดนกลางปีศาจแดงกลับมามีมิติและสมดุลมากขึ้น
สิ่งที่แมนยูต้องทำเพื่อกลับสู่เส้นทาง
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ไม่ได้ขาดแคลนศักยภาพนักเตะ แต่ปัญหาอยู่ที่การตัดสินใจของผู้จัดการทีมและการเลือกแท็คติก หากอโมริมยังดื้อดึง ไม่ปรับหมากให้เหมาะกับสภาพทีม การกู้วิกฤติอาจกลายเป็นเรื่องไกลเกินเอื้อม สิ่งสำคัญคือเขาต้องกล้าลองสิ่งใหม่ กล้าเสี่ยงกับผู้เล่นที่พร้อมพิสูจน์ตัวเอง และสร้างความเชื่อมั่นให้ทีมกลับมาอีกครั้ง
ติดตามทุกความเคลื่อนไหวแบบเจาะลึก ข่าวเดือดของพรีเมียร์ลีก และการวิเคราะห์มันส์ๆ ได้ที่ บ้านกีฬา