ลิเวอร์พูลหัวเราะลั่น! ฮามันน์สับเละ บาเยิร์นทุ่มบ้าเลือดคว้าดิอาซเกินมูลค่า

ฮามันน์วิจารณ์ดีลร้อน บาเยิร์นจ่ายหนักเกินจำเป็น

กระแสในวงการฟุตบอลเยอรมนีเดือดทันทีเมื่อ ดีทมาร์ ฮามันน์ อดีตมิดฟิลด์ทีมชาติเยอรมนี ออกมาเปิดปากจวก บาเยิร์น มิวนิค แบบไม่เกรงใจ ภายหลังสโมสรยักษ์ใหญ่แห่งบุนเดสลีกาตัดสินใจทุ่มงบมหาศาลปิดดีล หลุยส์ ดิอาซ ปีกความเร็วสูงจาก ลิเวอร์พูล โดยสื่อหลายสำนักยืนยันตรงกันว่า เสือใต้ต้องควักเงินรวมออปชันสูงถึง 75 ล้านยูโร หรือราว 2,775 ล้านบาท พร้อมมอบค่าเหนื่อยระดับมหาศาลปีละ 14 ล้านยูโร (ประมาณ 518 ล้านบาท) ให้กับดาวเตะโคลอมเบียวัย 28 ปีรายนี้

คำพูดสุดเดือดของฮามันน์

ฮามันน์เผยแบบตรงไปตรงมาไม่อ้อมค้อมว่า
“จริงอยู่ว่า ดิอาซ เป็นนักเตะที่เก่งมากๆ แต่สิ่งที่ บาเยิร์น ทำลงไปน่ะมันไม่ใช่โมเดลการทำธุรกิจที่ดีเลย พวกเขาดึงนักเตะอายุ 28 ปีมาร่วมทีมด้วยเงินก้อนโต แถมยังจ่ายค่าเหนื่อยในระดับที่เยอะกว่าสมัยที่เขาเคยได้รับใน อังกฤษ อีกเนี่ยนะ ? ตอนนี้ ลิเวอร์พูล คงขำจนปวดท้องไปแล้ว”

วิเคราะห์ดีลนี้ ทำไมฮามันน์ถึงมองว่าขาดความคุ้มค่า

สำหรับโลกฟุตบอลยุคปัจจุบัน การทุ่มเงินซื้อนักเตะอายุเกือบจะเข้าสู่ช่วงปลายของพีค ถือเป็นการลงทุนที่มีความเสี่ยงสูง เพราะระยะเวลาการใช้งานในระดับท็อปอาจเหลือเพียงไม่กี่ปี การจ่ายทั้งค่าตัวและค่าเหนื่อยในระดับสูงมากย่อมถูกตั้งคำถาม โดยเฉพาะในโมเดลของบาเยิร์นที่ปกติจะเน้นการซื้อผู้เล่นอายุน้อยเพื่อปลุกปั้นหรือขายต่อในอนาคต การเบี่ยงออกจากแนวทางนี้จึงเป็นประเด็นร้อนทันที

ข้อดีของดิอาซที่ทำให้บาเยิร์นยอมเสี่ยง

แม้จะมีเสียงวิจารณ์ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า หลุยส์ ดิอาซ เป็นปีกที่มีศักยภาพสูง เขาโดดเด่นเรื่องความเร็ว การเลี้ยงบอลดุดัน การตัดเข้าในเพื่อสร้างโอกาส และมีความเป็นนักสู้ในสนามเต็มเปี่ยม นอกจากนี้ ทัศนคติและความทุ่มเทของเขาถือเป็นคุณสมบัติที่ตรงใจแฟนบอลและโค้ชทุกคน ซึ่งเป็นเหตุผลสำคัญที่บาเยิร์นเชื่อว่าเขาจะมอบความแตกต่างและมิติใหม่ในเกมรุกให้ทีมได้ทันที

ลิเวอร์พูลคือผู้ชนะในดีลนี้?

หากมองในมุมของ ลิเวอร์พูล ดีลนี้อาจถือเป็นชัยชนะในเชิงธุรกิจ เพราะพวกเขาได้ค่าตัวก้อนใหญ่จากนักเตะที่อายุใกล้แตะ 30 และยังสามารถนำเงินไปเสริมทัพเพื่อต่อยอดอนาคต ขณะเดียวกันก็ลดภาระค่าเหนื่อยลงอีกด้วย ซึ่งนี่อาจเป็นเหตุผลว่าทำไมฮามันน์ถึงบอกว่า “หงส์แดงคงหัวเราะจนท้องแข็ง”

บทเรียนสำหรับตลาดนักเตะ

ในแง่ของการบริหารสโมสร ดีลนี้สะท้อนให้เห็นว่าการใช้เงินก้อนโตเพื่อซื้อนักเตะไม่ใช่แค่เรื่องฝีเท้า แต่ยังเกี่ยวพันกับกลยุทธ์ระยะยาว ความสมดุลของเพดานค่าเหนื่อย และการรักษาโครงสร้างทีมให้ยั่งยืน หากขาดการวางแผนรอบคอบ ความเสี่ยงที่จะเสียมากกว่าได้ก็มีสูง

ก่อนที่ตลาดซื้อขายนักเตะจะปิดตัว แฟนบอลคงต้องจับตาว่า ดิอาซ จะพิสูจน์ตัวเองในถิ่นอัลลิอันซ์ อารีน่าได้สมค่าตัวหรือไม่ และบาเยิร์นจะได้ผลตอบแทนจากการลงทุนครั้งนี้อย่างไรในฤดูกาลที่จะมาถึง

ติดตามข่าวฟุตบอลเดือด ๆ และวิเคราะห์เจาะลึกทุกประเด็นได้ที่ ข่าวกีฬาฟุตบอลบ้านกีฬา