
ดราม่าลูกหนังค่ำคืนแห่งความทรงจำ
ค่ำคืนแห่งศึก ยูฟ่า ซูเปอร์ คัพ กลายเป็นอีกหนึ่งแมตช์ที่แฟนบอลทั่วโลกจะจดจำไปอีกนาน เมื่อ ปารีส แซงต์-แชร์กแมง แชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก พลิกนรกแซงคว้าโทรฟี่เหนือ ท็อตแน่ม ฮอตสเปอร์ แชมป์ยูโรปา ลีก ในเกมที่เต็มไปด้วยความเข้มข้นดุเดือดและอารมณ์สุดพลุ่งพล่าน ทั้งที่ “ไก่เดือยทอง” นำห่างก่อนถึง 2-0 แต่กลับปล่อยให้สถานการณ์หลุดมืออย่างไม่น่าเชื่อ
สเปอร์สขึ้นนำก่อนแต่พลาดมหันต์
ภายใต้การคุมทีมของ โธมัส แฟร้งค์ สเปอร์สสร้างเซอร์ไพรส์ให้แฟนบอลในสนามด้วยการออกนำถึงสองประตูตั้งแต่ช่วงกลางเกม ทำเอาแฟนไก่เดือยทองเริ่มฝันถึงการชูถ้วย แต่แทนที่จะเดินหน้าปิดเกมให้เด็ดขาด กลับเลือกถอยตั้งรับลึก ปล่อยให้แชมป์ลีกเอิงได้บุกกดดันอย่างต่อเนื่อง จนความได้เปรียบค่อย ๆ เลือนหาย
เปแอสเชไม่ยอมตาย ไล่เจ๊าท้ายเกม
เมื่อโอกาสมาเยือน เปแอสเชไม่ปล่อยให้หลุดมือ พวกเขาเร่งจังหวะจนสามารถยิงตีไข่แตก และตามตีเสมอได้ในช่วงห้านาทีสุดท้าย ก่อนลากเกมเข้าสู่การดวลจุดโทษชี้ขาด ซึ่งแข้งปารีเซียงแสดงความเยือกเย็นและความเฉียบคม ซัดเข้าไม่พลาด คว้าแชมป์ซูเปอร์คัพไปอย่างสะใจแฟนบอล
มาร์กินญอสเผยจุดเปลี่ยนของเกม
หลังจบแมตช์ มาร์กินญอส กัปตันทีมเปแอสเช และปราการหลังทีมชาติบราซิล เปิดใจถึงสิ่งที่ทำให้เกมพลิกจากความพ่ายแพ้เป็นชัยชนะ
“ผมภูมิใจมาก เราเตรียมตัวกันไม่มาก แต่เราเห็นกันแล้วว่าฟุตบอลไม่ได้มีแค่ความฟิต มันเป็นเรื่องของจิตใจ พวกเขานำ 2-0 พวกเขาตั้งรับมากไป และเชื้อเชิญให้เราบุก มันอันตรายที่เชื้อเชิญให้ เปแอสเช ทำอย่างนั้น โค้ชเปลี่ยนแปลงอย่างที่เราต้องการ เราต้องการหมายเลข 9 อย่าง กอนซาโล่ เพื่อส่งบอลเข้าประตู”
เขายังเสริมถึงความมุ่งมั่นในสนามว่า
“ผมมีความสุขมาก คุณต้องเล่นให้ได้ในระดับสูงตลอดเวลา คุณต้องทุ่มเททุกอย่าง และมันเป็นสิ่งที่ผมทำเพื่อทำให้โค้ชแฮปปี้ และรักษาตำแหน่งของผม”
แรงกดดันและบทเรียนของสเปอร์ส
จากเกมนี้ สิ่งที่สเปอร์สต้องจดจำคือ การตั้งรับเพียงอย่างเดียวเมื่อขึ้นนำ ไม่ใช่สูตรสำเร็จในฟุตบอลระดับสูง ยิ่งเจอทีมที่มีเกมรุกดุดันและนักเตะที่พร้อมเปลี่ยนผลลัพธ์ได้ในเสี้ยววินาที ความผิดพลาดเพียงเล็กน้อยก็อาจต้องแลกด้วยถ้วยรางวัลสำคัญ
บทเรียนเหนือกาลเวลาในโลกฟุตบอล
เกมนี้สะท้อนบทเรียนอมตะของลูกหนังว่า “เกมยังไม่จบจนกว่ากรรมการจะเป่าหมดเวลา” การรักษาความได้เปรียบต้องมาพร้อมความสมดุลระหว่างรุกและรับ เพราะการถอยลึกเกินไปย่อมเปิดโอกาสให้คู่แข่งเร่งเกมเข้ามากดดันจนความมั่นใจสั่นคลอน เหตุการณ์แบบนี้เคยเกิดขึ้นมาแล้วนับไม่ถ้วนในประวัติศาสตร์ฟุตบอล ทั้งในระดับสโมสรและทีมชาติ และจะยังคงเป็นตัวอย่างให้โค้ชและนักเตะรุ่นหลังศึกษาไปอีกนาน
ติดตามทุกข่าวเด่นและความมันส์ของโลกฟุตบอลได้ที่ ข่าวกีฬาฟุตบอลบ้านกีฬา