
แฟรนไชส์ภาพยนตร์ Alien ที่เปิดตัวครั้งแรกในปี 1979 โดยฝีมือ Ridley Scott เคยทำให้คนดูทั่วโลกขนลุกกับความสยองของ “Xenomorph” สัตว์ร้ายต่างดาวผู้ไร้ปรานี ตลอดหลายทศวรรษที่ผ่านมา แฟรนไชส์นี้ได้สร้างทั้งภาคต่อ ภาคแยก และภาคย้อนอดีตมากมาย แต่ปีนี้ถือเป็นครั้งแรกที่เรื่องราวของ Alien จะลงจอทีวีเต็มรูปแบบกับซีรีส์ Alien: Earth ผลงานของ Noah Hawley (ผู้สร้าง Fargo) ที่จับเอาสงครามระหว่างมนุษย์-เอเลี่ยนมาปะทะกันบนโลกจริง
📍 Alien: Earth อยู่ตรงไหนในไทม์ไลน์จักรวาล Alien
ซีรีส์นี้ตั้งเหตุการณ์ไว้ในปี 2120 ซึ่งเป็น 2 ปีก่อนเหตุการณ์ใน Alien (1979) และราว 60 ปีก่อน Aliens (1986)
ขณะที่ภาพยนตร์ Alien: Romulus (2024) ตั้งอยู่ในปี 2142 เพื่อคั่นกลางระหว่างภาคแรกและภาคสอง แต่ Alien: Earth กลับเลือกย้อนเวลากลับมาเล่าเรื่องที่โลกยังไม่เคยสัมผัส Xenomorph อย่างเต็มรูปแบบ
ในโลกปี 2120 โลกถูกควบคุมโดย 5 บริษัทยักษ์ใหญ่ ได้แก่ Prodigy, Weyland-Yutani, Lynch, Dynamic และ Threshold การแข่งขันไม่ได้อยู่แค่ด้านอาวุธหรือเศรษฐกิจ แต่คือ การชิงความเป็นอมตะ ด้วยเทคโนโลยีล้ำยุค 3 รูปแบบ
- Cyborg – มนุษย์ที่มีชิ้นส่วนร่างกายเทียม
- Synth – หุ่นยนต์คล้ายมนุษย์พร้อมจิตสำนึกขั้นสูง (เช่น Ash จาก Alien)
- Hybrid – ร่างสังเคราะห์ที่บรรจุจิตสำนึกของมนุษย์จริง
🧪 Prodigy และโครงการ Hybrid เด็กอมตะ
Boy Kavalier มหาเศรษฐีหนุ่มแห่ง Prodigy คิดค้นเทคโนโลยีย้ายจิตสำนึกเด็กป่วยระยะสุดท้ายเข้าสู่ร่างสังเคราะห์ที่แข็งแรงและไม่มีวันแก่ ตัวอย่างเช่น Marcy เด็กหญิงวัย 12 ปีที่กลายเป็น Wendy ร่างผู้ใหญ่สุดแกร่ง
ไม่เพียงเท่านั้น Prodigy ยังสร้างทีม “Lost Boys” เด็กสังเคราะห์พลังสูง แต่จิตใจยังไร้เดียงสาเพราะมาจากร่างเด็กจริง
ปัญหาคือ เมื่อทีม Lost Boys ถูกส่งไปตรวจสอบซากยานของ Weyland-Yutani ที่ตกในเมือง New Siam พวกเขากลับพบ Xenomorph ตัวเต็มวัย และสิ่งมีชีวิตร้ายแรงอื่นๆ ที่พร้อมฉีกทุกอย่างที่ขวางหน้า
🚀 เหตุการณ์บนยาน USCSS Maginot และการชนกันของสองโลก
อีกเส้นเรื่องหนึ่งเล่าผ่านลูกเรือยาน USCSS Maginot ของ Weyland-Yutani ที่ออกเดินทางกว่า 65 ปีเพื่อเก็บสายพันธุ์เอเลี่ยนจากอวกาศ แต่เมื่อยานเกิดขัดข้องและตกลงในเขตของ Prodigy สิ่งมีชีวิตร้ายแรงที่เคยถูกขังได้หลุดออกมา และนี่คือจุดเริ่มของหายนะ
ตัวละครสำคัญคือ Kirsh (รับบทโดย Timothy Olyphant) หุ่นสังเคราะห์ผู้ดูแลเหล่า Hybrid เด็ก ด้วยบุคลิกเยือกเย็นและคำพูดเสียดแทงอย่าง
“พวกเธอเคยเป็นเพียงอาหาร… ตอนนี้คิดว่าตัวเองไม่ใช่ แต่ในธรรมชาติ จะมีสิ่งที่ใหญ่กว่าหรือเล็กกว่าคอยกินเธออยู่เสมอ”
🎯 ประเด็นลึกที่ซีรีส์หยิบมาเล่น
หนึ่งในเสน่ห์ของแฟรนไชส์ Alien คือการสะท้อน ความหยิ่งผยองของมนุษย์ ที่คิดว่าควบคุมธรรมชาติและเทคโนโลยีได้ แต่สุดท้ายกลับถูกสิ่งเหล่านี้ทำลาย ซีรีส์นี้นำธีมนั้นมาขยาย โดยเปรียบเทียบ เอเลี่ยนจากธรรมชาติ กับ ลูกผสมที่มนุษย์สร้าง ว่าอะไรจะอันตรายกว่ากัน
- การแข่งขันของบรรษัทใหญ่ที่มองชีวิตคนเป็นเพียง “สินทรัพย์”
- คำถามว่าเทคโนโลยีขั้นสูงถูกสร้างมาเพื่อ ช่วยมนุษย์ หรือ แทนที่มนุษย์
- สถานการณ์วิกฤติที่เผย “ตัวตนแท้จริง” ของแต่ละคน — ใครฉลาดพอจะเอาชีวิตรอด
🔍 ทำไมไม่มีการเชื่อมกับ Prometheus และ Covenant
แม้ Alien: Covenant (2017) จะเกิดก่อนเพียง 16 ปี แต่ Noah Hawley เลือกไม่เชื่อมเส้นเรื่องกับสองภาคนี้ เพราะมองว่า Xenomorph ควรเป็นผลลัพธ์จากวิวัฒนาการหลายล้านปี มากกว่าการเป็นอาวุธชีวภาพที่เพิ่งถูกสร้างไม่นาน และยังเลือกเก็บสไตล์ “Retro-futurism” ของ Alien ภาคแรกๆ โดยไม่ใส่เทคโนโลยีล้ำเกินไป เช่น โฮโลแกรมหรืออินเทอร์เฟซใสแบบ Apple Store
💥 ทำไม Alien: Earth จึงเป็นซีรีส์ที่คอไซไฟต้องดู
- คืนรากเหง้าความสยอง – กลิ่นอายการเล่าเรื่องแบบ Alien และ Aliens เต็มขั้น
- ขยายโลกในมุมใหม่ – ครั้งแรกที่ Xenomorph ปรากฏบนโลก และเป็นการชนกันของเทคโนโลยี-สิ่งมีชีวิตจากต่างดาว
- ประเด็นร่วมสมัย – เสียดสีสังคมปัจจุบันทั้งเรื่อง AI, การค้าเทคโนโลยีชีวภาพ และการแข่งขันบรรษัท
- งานสร้างคุณภาพสูง – ออกแบบฉาก-ยาน-เอเลี่ยนสมจริง ยึดภาพจำแฟรนไชส์
🗓 วันฉายและช่องทางรับชม
- ออกอากาศตอนแรก: 12 สิงหาคม 2025 เวลา 20.00 น. (ET) ทาง FX
- อัปเดตตอนใหม่ทุกวันอังคาร ถึง 23 กันยายน 2025
- สตรีมมิ่ง: Hulu (สหรัฐฯ) / Disney+ (ต่างประเทศ)
Alien: Earth คือการผสมระหว่างความระทึกแบบคลาสสิกและการเล่าเรื่องที่ทันสมัย สำหรับแฟน Alien นี่คือโอกาสได้สัมผัสโลกที่คุ้นเคยในมุมมองใหม่ ส่วนคนที่ไม่เคยดูมาก่อนก็ยังสนุกได้ เพราะธีมหลัก — ความทะเยอทะยานของมนุษย์และผลลัพธ์ที่ตามมา — คือสิ่งที่อยู่รอบตัวเราทุกยุคทุกสมัย
📌 ติดตาม ข่าวเด่น ข่าววันนี้ ที่ ข่าวการค้นหาที่มาแรงบ้านกีฬา เพื่อไม่พลาดทุกความเคลื่อนไหว