ธปท.ชี้ชะตาดอกเบี้ย 0.25% ปิดฉาก “เศรษฐพุฒิ” จุดเปลี่ยนทิศเศรษฐกิจไทย จับตาผลต่อ SET

ดูบอลสด ดูบอลออนไลน์ฟรี 24 ชั่วโมง

สถานการณ์การเงินไทยกำลังอยู่ในจุดเปลี่ยนสำคัญ เมื่อ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ถูกจับตาว่าจะใช้ “ไพ่ตัดดอกเบี้ย” ในการประชุมวันนี้ (13 ส.ค. 2568) ลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% เหลือ 1.50% ต่อปี นับเป็นการประชุมครั้งสุดท้ายของ นายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการฯ ที่จะสิ้นสุดวาระ 5 ปีในวันที่ 30 กันยายนนี้

แรงกดดันจากปัจจัยภายนอก เช่น มาตรการภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ, ภาวะเงินฝืด, และความไม่แน่นอนทางการเมือง กำลังบีบให้ ธปท. เร่งผ่อนคลายนโยบายการเงินเพื่อพยุงเศรษฐกิจที่กำลังชะลอตัว และการลดดอกเบี้ยครั้งนี้อาจเป็นตัวกระตุ้นสำคัญต่อดัชนี SET ในช่วงครึ่งปีหลัง

มติ กนง. ถูกจับตาหนัก – เสียงแตก “ลด” หรือ “คง”– นักลงทุนลุ้น SET รีบาวด์

ข้อมูลจาก บลูมเบิร์ก ระบุว่า นักเศรษฐศาสตร์ 14 จาก 23 คน คาดว่าจะมีการลดดอกเบี้ยในครั้งนี้ ขณะที่อีกส่วนหนึ่งมองว่า กนง. อาจเลือกคงอัตราไว้เพื่อเก็บ “กระสุน” ไว้ใช้ในอนาคต

  • ฝ่ายลดดอกเบี้ยทันที : เห็นว่าภาวะเงินเฟ้อทั่วไปติดลบต่อเนื่องตั้งแต่เมษายน และเศรษฐกิจครึ่งหลังปีนี้อาจโดนแรงกระแทกจากสงครามการค้าและปัญหาการท่องเที่ยวชะลอ
  • ฝ่ายคงดอกเบี้ย : มองว่าตัวเลข GDP ไตรมาส 2 ใกล้ 3% ดีกว่าที่คาด และการเจรจาการค้ากับสหรัฐฯ ออกมา “เบากว่าที่กลัว” ที่ 19% จึงยังมีเวลารอดูทิศทางเศรษฐกิจ

ปัจจัยที่ผลักดันการตัดสินใจ

  1. เงินเฟ้อพื้นฐานอ่อนแรง – ดัชนีราคาผู้บริโภคยังต่ำกว่าเป้าหมาย 1-3% ของ ธปท. และลดลงต่อเนื่อง แม้ตัดปัจจัยราคาน้ำมันและอาหารสดออก
  2. หนี้ครัวเรือนลดลง – ไตรมาสแรกหนี้ต่อ GDP ต่ำสุดในรอบ 5 ปี แต่ยังสูงที่สุดในอาเซียน
  3. ผลกระทบภายนอก – ภาษีนำเข้าจากสหรัฐฯ 19% ทำให้ต้นทุนส่งออกสูงขึ้น ขณะเดียวกันยังมีความเสี่ยงจากชายแดนกัมพูชาและการเมืองภายใน
  4. ความจำกัดของนโยบายการเงิน – การประชุมครั้งนี้มีกรรมการเพียง 6 คน หลังมี 1 คนลาออก และผู้แทนใหม่จะเข้ามาเดือนหน้า

สัญญาณจากผู้ว่าฯ คนใหม่ “วิทัย รัตนากร”– ผลบวก SET ระยะกลาง

เมื่อนายวิทัย รัตนากร เข้ารับตำแหน่งเดือนตุลาคม นักวิเคราะห์หลายสำนักเชื่อว่าจะเห็นการผ่อนคลายนโยบายการเงินที่มากขึ้น เปลี่ยนโฟกัสจากการลดวงจรหนี้ สู่การหนุนการเติบโตของเศรษฐกิจ

HSBC วิเคราะห์ว่า ภายใต้วิทัย ธปท. อาจลดดอกเบี้ยให้ต่ำที่สุดเท่าที่ทำได้โดยไม่เร่งหนี้ครัวเรือน พร้อมเปิดรับเครื่องมือนโยบายใหม่ ๆ เพื่อเพิ่มสภาพคล่องเข้าสู่ระบบ

มุมมองจากนักเศรษฐศาสตร์

  • CIMB Thai : ควรลดทันทีเพื่อไม่ต้องกดแรงสองครั้งติดปลายปี และมีแรงส่งทางเศรษฐกิจปีหน้า
  • ศูนย์วิจัยกสิกรไทย : ควรคงดอกเบี้ยรอปรับ 1-2 ครั้งใน ต.ค.-ธ.ค. เพราะตัวเลขเศรษฐกิจยังไม่แย่
  • TISCO ESU : คงดอกเบี้ยเพื่อรักษา Policy Space หลังลดไปแล้ว 3 ครั้งในปีนี้

ผลต่อประชาชนและธุรกิจ

การลดดอกเบี้ยจะช่วยลดภาระดอกเบี้ยกู้ยืม ทั้งครัวเรือนและธุรกิจ โดยเฉพาะ ธุรกิจ SME ที่กำลังเผชิญต้นทุนสูงและยอดขายชะลอ ขณะเดียวกันผู้กู้บ้าน-รถจะได้เห็นค่างวดลดลง แต่ในทางกลับกัน ผู้ฝากเงินอาจได้ดอกเบี้ยน้อยลง

ในภาพรวม มาตรการนี้มีเป้าหมายกระตุ้นการใช้จ่ายและการลงทุนภายในประเทศ ท่ามกลางเศรษฐกิจโลกที่ยังเต็มไปด้วยความไม่แน่นอน

สรุป

วันนี้ไม่ใช่เพียงแค่การประชุม กนง. ปกติ แต่เป็น จุดเปลี่ยนสำคัญของทิศทางการเงินไทย การตัดสินใจลดหรือคงดอกเบี้ยครั้งนี้จะส่งสัญญาณไปถึงทั้งตลาดการเงิน นักลงทุนต่างชาติ และประชาชนทั่วไป พร้อมเป็นบทสรุปยุค “เศรษฐพุฒิ” และเปิดทางให้ยุค “วิทัย” เริ่มต้น

ไม่ว่าผลจะออกมาแบบไหน บ้านกีฬา จะเกาะติดทุกความเคลื่อนไหว เพื่อให้คุณไม่พลาดข่าวสำคัญทางเศรษฐกิจ

ติดตาม ข่าวเด่น และ ข่าววันนี้ ที่ ข่าวการค้นหาที่มาแรงบ้านกีฬา เพื่อไม่พลาดทุกความเคลื่อนไหวทางเศรษฐกิจและการเงิน ที่ส่งผลต่อชีวิตประจำวันของคุณ

ตรวจหวย 24 ชั่วโมง หวยลาว หวยฮานอย

แอดไลน์ @Bankeela รับลิ้งดูบอล ทีเด็ด วิเคราะห์บอลจากทางบ้านกีฬา