ภาษีทรัมป์เดือด! เปิดเกมตอบโต้ครั้งใหญ่ ไทย-อาเซียนต้องรับมืออย่างไร?

บ้านกีฬา กลับมาอีกครั้งพร้อมบทความเจาะลึกที่ไม่ใช่แค่เรื่องกีฬา เพราะครั้งนี้เราขอลุย ประเด็นร้อนแรงระดับโลก เมื่อ โดนัลด์ ทรัมป์ อดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่กำลังเดินเกมกลับสู่ทำเนียบขาวปี 2025 ได้ปลุกพลังการค้าเชิงรุกอีกระลอก! ล่าสุดเมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม เขาประกาศใช้มาตรการ ขึ้นภาษีนำเข้าทั่วโลกแบบสายฟ้าแลบ ซึ่งจะมีผลในวันที่ 7 สิงหาคมนี้ ทำเอาทั้งเอเชียปั่นป่วน โดยเฉพาะ ไทย และชาติอาเซียนที่ต้องตั้งรับกันแทบไม่ทัน

🧨เปิดเกม ‘ภาษีทรัมป์’ รอบใหม่ กระทบทั้งภูมิภาค

มาตรการภาษีฉบับใหม่ของทรัมป์ที่เรียกว่า “Reciprocal Tariffs” หรือภาษีตอบโต้ ได้ถูกประกาศใช้ในระดับกว้าง โดยเฉพาะกับประเทศที่ยังไม่สามารถบรรลุข้อตกลงทางการค้ากับสหรัฐฯ ภายในเส้นตายที่กำหนด โดยเบื้องต้น ทรัมป์ตั้งเป้าใช้ภาษีขั้นพื้นฐานที่ 10% และขยับขึ้นไปสูงสุดถึง 40% ในกรณีที่เป็นการนำเข้าสินค้าผ่านประเทศที่สาม (Transshipment)

ที่น่าตกใจคือ แม้ศาลการค้าสหรัฐฯ จะเคยตัดสินว่า มาตรการดังกล่าว ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม แต่ภาษียังมีผลบังคับใช้ต่อเนื่องในระหว่างการยื่นอุทธรณ์ และหากศาลฎีกาสหรัฐฯ รับเรื่อง ก็อาจกลายเป็นหนึ่งในคดีประวัติศาสตร์ที่สะเทือนตลาดโลก

ไทยในสมรภูมิภาษี: อัตราใหม่ 19% กระทบหรือโอกาส?

ประเทศไทยได้รับการจัดเก็บ ภาษีนำเข้าใหม่ในอัตรา 19% ซึ่งแม้จะดูเหมือนเป็นข่าวร้าย แต่ก็ไม่ได้เลวร้ายไปกว่าเพื่อนบ้านอาเซียนนัก เช่น เวียดนาม ที่ถูกเก็บในอัตรา 20% หรือ ลาว และ เมียนมา ที่โดนหนักถึง 40% ไทยยังอยู่ในกลุ่มที่สามารถแข่งขันได้ในตลาดสหรัฐฯ และมีโอกาส เร่งปรับกลยุทธ์เพื่อแย่งส่วนแบ่งตลาดจากประเทศที่เจรจาไม่สำเร็จ

ประเทศ	อัตราภาษีนำเข้าใหม่	เกินดุลการค้ากับสหรัฐฯ (ม.ค.-พ.ค. 2025)
🇹🇭 ไทย	19%	22,721.9 ล้านดอลลาร์
🇻🇳 เวียดนาม	20%	64,803.8 ล้านดอลลาร์
🇲🇾 มาเลเซีย	19%	12,810.4 ล้านดอลลาร์
🇮🇩 อินโดนีเซีย	19%	9,714.6 ล้านดอลลาร์
🇵🇭 ฟิลิปปินส์	19%	2,781.4 ล้านดอลลาร์
🇰🇭 กัมพูชา	19%	4,954.3 ล้านดอลลาร์
🇸🇬 สิงคโปร์	10%	ขาดดุล 184.6 ล้านดอลลาร์
🇱🇦 ลาว	40%	934.0 ล้านดอลลาร์
🇲🇲 เมียนมาร์	40%	256.9 ล้านดอลลาร์
🇧🇳 บรูไน	25%	0.2 ล้านดอลลาร์

🏢พาณิชย์ไทยตั้ง One Stop Service รับมือด่วน

“จตุพร บุรุษพัฒน์” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ออกโรงทันทีหลังคำสั่งภาษีทรัมป์ประกาศใช้ โดยเตรียมตั้ง ศูนย์ให้คำปรึกษาแบบ One Stop Service ณ ศูนย์ส่งออกสินค้ารัชดา เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการทั้งขนาดใหญ่และขนาดกลาง-เล็ก (SME) ที่ได้รับผลกระทบโดยตรง

จุดประสงค์หลักของศูนย์นี้คือ:

• ให้คำแนะนำปรับตัวกับภาษี 19%
• ประสานงานร่วมกับธนาคาร และหน่วยงานสนับสนุนการค้า
• เร่งเจรจาตลาดใหม่ผ่าน FTA กับประเทศอื่น

📉SME กังวลหนัก! ต้นทุนพุ่ง-ตลาดเปลี่ยน

สมาคมผู้ประกอบการ SME เปิดเผยว่า ปัจจุบันมีผู้ประกอบการไทยกว่า 2 ล้านราย ที่ทำธุรกิจส่งออก โดยหลายรายเป็นสินค้าชิ้นเล็กที่เดิมไม่เสียภาษี หรือเสียในอัตราต่ำ แต่จากการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ จะทำให้ต้นทุนพุ่งสูง และหากไม่รีบปรับกลยุทธ์ ก็อาจถูกแย่งตลาดโดยคู่แข่งจากประเทศอื่นทันที

“บางสินค้าที่ไม่ถูกเก็บภาษีในอดีต วันนี้กลายเป็นภาระต้นทุนทันที นี่คือสัญญาณว่าเราไม่สามารถทำการค้าแบบเดิมได้อีกต่อไป” — นายสุปรีย์ ทองเพชร ประธานสภา SME กล่าว

🌐จับตาอนาคต: FTA, ภาษีสิ่งแวดล้อม และสงครามการค้า

สถานการณ์ครั้งนี้ไม่ใช่แค่เรื่องภาษี แต่ยังเชื่อมโยงกับ สงครามการค้าโลก, การแข่งขันภูมิรัฐศาสตร์ และมาตรการสิ่งแวดล้อมที่เข้มงวดขึ้นเรื่อย ๆ อย่าง CBAM ของสหภาพยุโรป ที่จะกระทบผู้ส่งออกไทยไม่แพ้กัน

ดังนั้นสิ่งที่ไทยต้องเร่งทำไม่ใช่แค่ “ปรับตัวชั่วคราว” แต่คือ “พลิกเกมส่งออกในระยะยาว” ให้ทันกับโลกใหม่ที่มีทั้งการเมือง เทคโนโลยี และสิ่งแวดล้อมเป็นปัจจัยร่วม

📌ภาษีทรัมป์ไม่ใช่ครั้งแรก – บทเรียนจากอดีตสู่อนาคต

ต้องไม่ลืมว่าในยุคแรกของทรัมป์ (2017-2021) เขาเคยจุดชนวน สงครามการค้าสหรัฐฯ-จีน ที่ทำให้โลกทั้งใบสะเทือน และในไทยก็มีสินค้าหลายรายการ เช่น เหล็ก-อลูมิเนียม ถูกเรียกเก็บภาษีเพิ่มมาก่อนแล้ว

บทเรียนจากวันนั้นคือ “ประเทศที่ปรับตัวเร็ว คือประเทศที่รอด” และวันนี้ประวัติศาสตร์กำลังซ้ำรอย หากไทยและอาเซียนไม่ยอมแพ้เสียก่อน

📍ทางรอดของไทย: หาตลาดใหม่-ใช้เทคโนโลยี-ลดต้นทุน

ผู้เชี่ยวชาญแนะนำว่า หากผู้ประกอบการไทยจะฝ่าวิกฤตภาษีทรัมป์ได้ ต้อง:

• เร่ง หาตลาดใหม่ นอกสหรัฐฯ เช่น อินเดีย ตะวันออกกลาง และแอฟริกา
• ใช้ AI, IoT และ Big Data เข้ามาช่วยในการผลิตและขนส่ง
• ลด ต้นทุนการผลิต โดยใช้พลังงานทดแทนและวัตถุดิบในประเทศให้มากขึ้น

สิ่งสำคัญคือการ “ไม่ยึดติดกับโมเดลเดิม” และมองไปข้างหน้าด้วยความยืดหยุ่น

สรุป: ภาษีทรัมป์รอบใหม่คือบททดสอบใหญ่อีกครั้งของผู้ประกอบการไทย ใครตั้งรับทัน ปรับตัวไว ใช้เทคโนโลยีเป็น และมีพันธมิตรทางการค้าที่หลากหลาย จะเปลี่ยนวิกฤตให้กลายเป็นโอกาส แต่ใครที่มัวรอให้ทุกอย่างกลับมาเป็นเหมือนเดิม อาจหลุดขบวนการค้าโลกไปตลอดกาล

ติดตาม ข่าวเด่น ข่าววันนี้ ที่ ข่าวการค้นหาที่มาแรงบ้านกีฬา