
วันที่ 29 กรกฎาคม 2568 กลายเป็นอีกหนึ่งหมุดหมายสำคัญในประวัติศาสตร์ความมั่นคงของไทย เมื่อ ทหารไทยล้อมรั้วลวดหนามรอบ “ปราสาทตาเมือนธม” พร้อมประกาศปิดทางขึ้นฝั่งกัมพูชาอย่างเป็นทางการ หลังการปะทะและความตึงเครียดตลอดแนวชายแดนจบลงด้วย ข้อตกลงหยุดยิง ที่มีผลเมื่อเวลา 00.00 น. ของวันที่ 28 ก.ค. ที่ผ่านมา
ความเคลื่อนไหวนี้ไม่เพียงสะท้อนการ ยึดคืนพื้นที่ยุทธศาสตร์สำคัญ อย่างเบ็ดเสร็จ แต่ยังตอกย้ำจุดยืนของไทยในเรื่อง “อธิปไตยเหนือพื้นที่ชายแดน” ที่ถูกท้าทายมายาวนานจากฝั่งกัมพูชา โดยเฉพาะบริเวณ “ปราสาทตาเมือนธม” ซึ่งเคยเกิดการปะทะดุเดือดหลายครั้งในอดีต
📍 ปราสาทตาเมือนธม คืออะไร? ทำไมต้องล้อมรั้ว?
ปราสาทตาเมือนธม ตั้งอยู่ในอำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ เป็นหนึ่งในกลุ่ม “ปราสาทตาเมือน” โบราณสถานยุคขอมเรืองอำนาจ มีลักษณะทางภูมิศาสตร์อยู่บนสันเขาพนมดงรัก ใกล้ชายแดนไทย-กัมพูชา และกลายเป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญด้วยระดับความสูงและความสามารถในการมองเห็นพื้นที่โดยรอบ
บริเวณนี้เคยเป็นพื้นที่พิพาท เพราะแม้จะตั้งอยู่ในฝั่งไทยอย่างชัดเจน แต่ ฝ่ายกัมพูชาก็พยายามส่งสัญลักษณ์แสดงความเป็นเจ้าของอยู่บ่อยครั้ง เช่น การจัดกิจกรรมเชิงวัฒนธรรม การร้องเพลงชาติ และการปลุกกระแสในสื่อท้องถิ่นของตน จนกระทั่งสถานการณ์ลุกลามกลายเป็นการปะทะด้วยอาวุธ
🔥 ปะทะเดือด 24 ก.ค. – จุดเริ่มของปฏิบัติการล้อมรั้ว
ต้นเหตุมาจาก เหตุปะทะหนักเมื่อ 24 ก.ค. 2568 หลังจากฝ่ายกัมพูชาถูกกล่าวหาว่าวางทุ่นระเบิดในบริเวณ “ช่องอานม้า” ทำให้ ทหารไทยบาดเจ็บ 5 นาย เป็นชนวนให้ แม่ทัพภาคที่ 2 พล.ท.บุญสิน พาดกลาง ออกคำสั่งตอบโต้โดยปิดการเข้าถึงพื้นที่ปราสาท และเริ่มวางแผนเสริมแนวป้องกัน
ระหว่างที่ทหารไทยกำลังดำเนินการล้อมรั้ว ทหารกัมพูชาก็ได้เปิดฉากยิงเข้าใส่ ทำให้การปะทะทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ จนในที่สุดก็มีการเจรจาหยุดยิงจากทั้งสองฝ่าย และประกาศว่า ฝ่ายไทยสามารถควบคุมพื้นที่ได้เบ็ดเสร็จถึง 11 จุดสำคัญ
🪖 ล้อมรั้วลวดหนามรอบปราสาท – แสดงสิทธิ์ในอธิปไตยอย่างชัดเจน
หลังจากแถลงหยุดยิง ฝ่ายไทยไม่รอช้าในการ เสริมมาตรการความมั่นคงด้วยการล้อมรั้วลวดหนามรอบปราสาทตาเมือนธม โดยมีการปิดช่องทางการเข้าถึงจากฝั่งกัมพูชาแบบ 100% การดำเนินการนี้ไม่เพียงแต่เป็นเชิงสัญลักษณ์ แต่ยังเป็นกลยุทธ์ “ตั้งรับเชิงรุก” เพื่อป้องกันการแทรกแซงในอนาคต
ภาพที่ถูกเผยแพร่ผ่านเพจ “ข่าวทหาร” และนักข่าวสายทหารชื่อดังอย่าง วาสนา นาน่วม สะท้อนให้เห็นความจริงจังของกองทัพไทยในการดำเนินการครั้งนี้ ซึ่ง ก่อนหน้านี้เคยมีการล้อมรั้วปราสาทมาแล้วในปี 2553 แต่ถูกรื้อออกในปี 2554 ภายหลังการเจรจาฟื้นฟูความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศ
🇰🇭 ฝั่งกัมพูชาปฏิเสธข่าว ยืนยัน “ยังควบคุมได้”
แม้ฝ่ายไทยจะประกาศอย่างชัดเจนถึงการควบคุมพื้นที่ทั้งหมด แต่ฝั่งกัมพูชากลับออกแถลงการณ์ผ่านเพจทางการ PR Cambodian Government ระบุว่า ข่าวการยึดปราสาทตาเมือนธมของไทยเป็น “ข่าวปลอม” พร้อมเตือนประชาชนของตน “อย่าแชร์ อย่าเชื่อ อย่าเผยแพร่”
แถลงการณ์นี้ยิ่งตอกย้ำความตึงเครียดที่ยังไม่จางหาย และสะท้อนถึงมุมมองที่แตกต่างในประเด็นอ่อนไหวของ พรมแดน และโบราณสถานที่มีนัยทางประวัติศาสตร์ร่วมกัน ระหว่างสองชาติ
🧭 จุดยุทธศาสตร์ – มากกว่าประวัติศาสตร์ คือพื้นที่แห่งความมั่นคง
การยึดปราสาทตาเมือนธม เป็นมากกว่าการรักษาสถาปัตยกรรมโบราณ แต่นี่คือการรักษา “จุดยุทธศาสตร์สำคัญ” ที่มีความได้เปรียบด้านทัศนวิสัย การตั้งรับ และการควบคุมแนวชายแดนตอนล่างของไทย
นอกจากนี้ การส่งเสริมการท่องเที่ยวปราสาทตาเมือนธม ก็กลายเป็นกลไกเชิงสันติที่ แม่ทัพภาคที่ 2 เชิญชวนประชาชนเข้ามาเที่ยวชมพื้นที่แห่งอารยธรรมนี้ เพื่อยืนยันว่า นี่คือ “แผ่นดินไทยโดยสมบูรณ์”
📸 ภาพประวัติศาสตร์: ทหารไทยบนผืนปราสาท ลวดหนามปิดทางเขมร
ภาพทหารไทยที่ยืนตรึงแนวพร้อมลวดหนามที่ล้อมปราสาทไว้ทุกทิศทุกทาง กลายเป็น สัญลักษณ์ของความเด็ดขาดและการทวงคืนศักดิ์ศรีของประเทศชาติ ความคมของลวดหนามไม่เพียงแค่กันศัตรู แต่ยังสะท้อนความเผ็ดร้อนของแนวคิดเรื่องอธิปไตย
🔚 บทสรุป: สงครามที่ไม่มีเสียงปืน กำลังเริ่มขึ้นในสนามการเมืองและประวัติศาสตร์
แม้เสียงปืนจะเงียบลง แต่สนามการต่อสู้เรื่องความชอบธรรมยังคงดำเนินอยู่ — ทั้งในระดับรัฐต่อรัฐ และในใจของประชาชนแต่ละฝ่าย ทหารไทยล้อมรั้วลวดหนามไว้แล้ว แต่ ประวัติศาสตร์และความทรงจำของปราสาทตาเมือนธมจะยังคงเป็นเปลวไฟที่พร้อมปะทุอีกครั้งได้ทุกเมื่อ
บ้านกีฬา จะติดตามสถานการณ์นี้อย่างใกล้ชิด และจะรายงานทุกความเคลื่อนไหวอย่างเข้มข้นและรอบด้าน
📌 ติดตาม ข่าวเด่น ข่าววันนี้ ได้ที่ ข่าวการค้นหาที่มาแรงบ้านกีฬา