
สถานการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชา กำลังเดือดระอุอีกครั้ง หลัง พนมเปญโพสต์ สื่อใหญ่ของกัมพูชาเผยแพร่ภาพ ปราสาทพระวิหาร ซึ่งได้รับความเสียหายจากการปะทะ พร้อมระบุว่าเป็นผลจากการ “โจมตีของกองทัพไทย” ท่ามกลางข้อกล่าวหาว่าเป็น อาชญากรรมต่อมรดกโลก จุดชนวนดราม่าร้อนแรงที่ไม่ใช่แค่เรื่องประวัติศาสตร์ แต่ลามไปถึงความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ และการเมืองภายในกัมพูชา ที่มีชื่อของ สมเด็จฮุน เซน อดีตนายกรัฐมนตรีผู้ทรงอิทธิพล และ ฮุน มาเนต ทายาททางการเมือง ผู้นำคนปัจจุบันของประเทศ ก้าวเข้ามากลางกระแสความขัดแย้งครั้งนี้อย่างเต็มรูปแบบ
📸 พนมเปญโพสต์เปิดภาพพังยับ! ชี้ไทยละเมิดมรดกโลก
เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม เฟซบุ๊กของ The Phnom Penh Post เผยแพร่ภาพชุด ความเสียหายของปราสาทพระวิหาร โดยกล่าวหาตรงไปตรงมาว่า “เป็นผลจากอาวุธหนักของกองทัพไทย” ไม่ว่าจะเป็น ปืนใหญ่, ระเบิดทางอากาศ หรือกระสุนรุนแรง ซึ่งกระทบต่อโบราณสถานสำคัญ เช่น โคปุระ หรือซุ้มประตูหมายเลข 1, 2, 3 และ 5 รวมถึงบันไดทางทิศเหนือ และหน้าผาสูงชันบริเวณเทือกเขาพนมดงรัก
สิ่งที่ทำให้สถานการณ์ลุกลามก็คือ การกล่าวหาว่าไทย “ก่ออาชญากรรมต่อวัฒนธรรมโลก” ซึ่งเป็นถ้อยคำที่รุนแรง และเข้าข่ายละเมิดอนุสัญญาทางวัฒนธรรมระหว่างประเทศ ที่ดูแลโดยองค์กรอย่าง UNESCO
🏛️ วุฒิสภากัมพูชาประณามเดือด! ชี้ไทยละเมิดกฎหมายโลก
ภายในคืนเดียวกัน วุฒิสภากัมพูชา นำโดย สมเด็จฮุน เซน ซึ่งปัจจุบันดำรงตำแหน่งประธานวุฒิสภา ออกแถลงการณ์อย่างเป็นทางการ ประณามไทยอย่างรุนแรง โดยอ้างถึงเหตุการณ์ในวันที่ 24 ก.ค. 2568 ว่าเป็นการ “รุกรานอธิปไตยของกัมพูชา” และเรียกร้องให้องค์กรนานาชาติ อาทิ UN และอาเซียน มีมาตรการตอบโต้ที่เด็ดขาด
วุฒิสภาแห่งราชอาณาจักรกัมพูชาจึงขอประกาศ 6 ข้อ ดังต่อไปนี้
1.วุฒิสภาขอประณามอย่างเด็ดขาดต่อการกระทำของกองทัพไทยที่ถือเป็นการรุกรานซึ่งก่อให้เกิดการปะทะ และบ่อนทำลายเสถียรภาพและสันติภาพบริเวณพรมแดนกัมพูชา–ไทย การกระทำดังกล่าวเป็นการละเมิดอธิปไตยของราชอาณาจักรกัมพูชาอย่างร้ายแรง ถือเป็นภัยต่อความมั่นคงของภูมิภาค และขัดต่อข้อ 2 วรรค 4 แห่งกฎบัตรสหประชาชาติ ซึ่งห้ามมิให้มีการใช้กำลังต่อบูรณภาพแห่งดินแดนของประเทศอื่น
2.วุฒิสภาขอยืนยันสิทธิของกัมพูชาในการป้องกันตนเองตามข้อ 51 แห่งกฎบัตรสหประชาชาติ โดยตลอดช่วงสถานการณ์ดังกล่าว กองทัพกัมพูชาได้แสดงออกถึงความเป็นมืออาชีพและความอดกลั้นในการปกป้องอธิปไตยและความปลอดภัยของประชาชนอย่างสง่างาม
3.วุฒิสภายืนยันว่าสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม ได้แก่ ปราสาทตาเมือนธม ปราสาทตาเมือนโต๊ด ปราสาทตาควาย รวมถึงบริเวณช่องบก ตั้งอยู่ภายในเขตแดนของกัมพูชา โดยมีหลักฐานชัดเจนตามสนธิสัญญาเก่าแก่ แผนที่สากลที่ได้รับการรับรอง และหลักกฎหมายระหว่างประเทศ ดังนั้นการที่กองทัพกัมพูชาประจำการในพื้นที่ดังกล่าว ถือเป็นสิทธิอธิปไตยที่ชอบด้วยกฎหมาย
4.วุฒิสภาขอแสดงการสนับสนุนอย่างเต็มที่ต่อการนำของ สมเด็จเตโช ประธานวุฒิสภาและนายกรัฐมนตรีแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา ผู้มีบทบาทสำคัญในการปกป้องศักดิ์ศรีและอธิปไตยของชาติในสถานการณ์วิกฤตนี้
5.วุฒิสภาขอแสดงความเคารพอย่างสูงต่อกองทัพกัมพูชา ที่แสดงความกล้าหาญ มีวินัย และยึดมั่นในรัฐธรรมนูญของชาติ แม้เผชิญกับสถานการณ์รุกรานจากภายนอกอย่างรุนแรง
6.วุฒิสภาเรียกร้องต่อประชาคมระหว่างประเทศ รวมถึงองค์การสหประชาชาติ สมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) และประเทศต่างๆ ที่ยึดมั่นในสันติภาพทั่วโลก ให้เร่งดำเนินการอย่างเด็ดขาดต่อการละเมิดอธิปไตยของกัมพูชาครั้งนี้ และให้การสนับสนุนอย่างเป็นรูปธรรมเพื่อปกป้องเสถียรภาพและสันติภาพในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
👑 จุดยืนของ “สมเด็จเตโช” ฮุน เซน และลูกชาย ฮุน มาเนต
ฮุน เซน อดีตผู้นำที่ครองอำนาจมายาวนานกว่า 38 ปี ยังมีบทบาทในทางการเมืองในฐานะ ประธานวุฒิสภา ซึ่งในสถานการณ์ล่าสุดนี้ เขาได้รับเสียงสนับสนุนจากทั้งรัฐสภาและฝ่ายความมั่นคงให้เป็นผู้นำในการ ตอบโต้และรักษาอธิปไตยกัมพูชา
ในขณะเดียวกัน ฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีคนใหม่ ผู้เป็นลูกชายของฮุน เซน ก็ได้แสดงท่าทีแข็งกร้าวในการตอบโต้ไทย โดยเน้นการป้องกันประเทศและรักษาเกียรติของกัมพูชาในเวทีระหว่างประเทศ เรียกได้ว่า เป็นการผนึกกำลังแบบ “พ่อ–ลูก” ทางการเมือง ที่ชาวกัมพูชาจำนวนมากให้การสนับสนุน
การกลับมามีบทบาทของฮุน เซนในระดับรัฐสภา ทำให้หลายฝ่ายมองว่า เขาอาจยังเป็นผู้อยู่เบื้องหลังการตัดสินใจสำคัญในรัฐบาลฮุน มาเนต โดยเฉพาะในเรื่องความมั่นคงและการทูต
🚔 ด้านไทยเองก็ไม่นิ่งเฉย ตำรวจคุมเข้มหน้าสถานทูตกัมพูชา
กระแสในประเทศไทยก็ไม่เงียบงัน มีรายงานว่า ตำรวจไทยต้องเพิ่มกำลังดูแลความปลอดภัย หน้าสถานทูตกัมพูชา หลังมีกลุ่มวัยรุ่นใช้สเปรย์พ่นข้อความโจมตีชาวกัมพูชา และมีชายคนหนึ่งนำเสื้อเขียนข้อความเชิงสัญลักษณ์มาแสดงออกหน้าสถานทูต เพื่อเรียกร้องให้กัมพูชาหยุดใช้ความรุนแรงกับพลเรือนไทย
แม้รัฐบาลไทยยังไม่ออกแถลงการณ์อย่างเป็นทางการในขณะนี้ แต่คาดว่าจะมีการหารือในระดับสูงเร็วๆ นี้ เพื่อ ลดความตึงเครียด ที่อาจส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศในภูมิภาค
📚 มรดกโลกหรือชนวนสงคราม? ปมพระวิหารที่ไม่เคยจาง
ย้อนกลับไปในปี 2505 ศาลโลก (ICJ) มีคำพิพากษาให้ “ตัวปราสาทพระวิหาร” เป็นของกัมพูชา แต่ไม่ชัดเจนในพื้นที่โดยรอบ โดยเฉพาะพื้นที่รอบปราสาทที่ไทยมองว่า “ยังเป็นของตนเองตามแนวสันปันน้ำ” ซึ่งกลายเป็นประเด็นอ่อนไหวเรื้อรังมานานหลายทศวรรษ
ความขัดแย้งจึงไม่ได้อยู่แค่ในเรื่องแผนที่เท่านั้น แต่เกี่ยวข้องกับศักดิ์ศรี, ความเชื่อ, ความมั่นคง และการเมืองภายในของทั้งสองประเทศ
✍️ สรุปภาพรวมและคำถามที่โลกจับตามอง
- กัมพูชาระบุไทยใช้กำลังอาวุธทำลายโบราณสถาน
- วุฒิสภากัมพูชาประณาม พร้อมเรียกร้องนานาชาติแทรกแซง
- “ฮุน เซน” ยังคงมีบทบาทสำคัญในการตอบโต้
- ความเคลื่อนไหวทางการทูตและความมั่นคงระหว่างประเทศกำลังเข้าสู่ช่วงเปราะบาง
คำถามคือ “ใครจะถอยก่อน?”
หรือนี่จะเป็นชนวนใหม่ของความขัดแย้งที่อาจบานปลายเกินกว่าจะควบคุม?
ติดตาม ข่าวเด่น ข่าววันนี้ ที่ไม่ควรพลาด ได้ที่ ข่าวการค้นหาที่มาแรงบ้านกีฬา